นายพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้ออกมาแสดงความกังวลต่อการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม พร้อมกับเรียกร้องให้ปธน.ทรัมป์ยกเลิกแผนการดังกล่าว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และภาษีนำเข้าอลูมิเนียมในอัตรา 10% เนื่องจากเขามองว่า การนำเข้าวัตถุดิบเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
นางแอชลี สตรอง โฆษกประจำตัวของนายไรอัน กล่าวว่า"เรารู้สึกกังวลอย่างยิ่งต่อผลกระทบจากสงครามการค้า และขณะนี้เรากำลังร้องขอให้ทำเนียบขาวไม่เดินหน้าแผนการนี้" พร้อมกับกล่าวว่า "ก่อนหน้านี้รัฐบาลสหรัฐได้ผลักดันกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับใหม่เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเราไม่ต้องการบั่นทอนปัจจัยบวกเหล่านี้อย่างแน่นอน"
ขณะที่นายลอว์เรน เอรอนสัน โฆษกของนายเควิน บราดี ประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาวิธีการจัดหารายได้ของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ยังได้แถลงต่อสื่อมวลชนว่า นายบราดีได้ร่างจดหมายถึงปธน.ทรัมป์ เพื่อแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดจากการเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากนานาประเทศ
ทั้งนี้ ประเทศพันธมิตรทางการค้าของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงแคนาดาและสหภาพยุโรปนั้น ต่างก็ออกมาแสดงท่าทีต่อต้าน โดยกล่าวว่าการกระทำของสหรัฐ "เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้" และประเทศเหล่านี้จะใช้สิทธิ์ในการตอบโต้ หากนโยบายการค้าของสหรัฐผลกระทบในเชิงลบต่อแรงงานภายในประเทศ
ด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ออกรายงานเตือนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า นโยบายเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมไม่เพียงแต่จะทำลายเศรษฐกิจของสหรัฐเท่านั้น แต่ยังจะส่งผลผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆด้วย