ขุนคลังสหรัฐออกโรงหนุนนโยบายเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก,อลูมิเนียมของ "ทรัมป์"

นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้ออกมาสนับสนุนนโยบายเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และไม่หวั่นแม้จะเกิดสงครามการค้า

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายมนูชินกล่าวต่อคณะกรรมาธิการสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ว่า "เราไม่ต้องการสร้างสงครามการค้า เราเพียงต้องการสร้างหลักประกันว่า บริษัทของสหรัฐจะสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างเป็นธรรมเท่านั้น"

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และภาษีนำเข้าอลูมิเนียมในอัตรา 10% เนื่องจากเขามองว่าการนำเข้าโลหะดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม แผนดังกล่าวของทรัมป์ได้ถูกคัดค้านจากพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ โดยล่าสุด นายแกรี่ โคห์น หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งแล้ว อันเป็นผลจากแผนงานดังกล่าว ขณะที่นายพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่า เขารู้สึกเป็นห่วงอย่างมากเกี่ยวกับแผนการจัดเก็บภาษีใหม่ของปธน.ทรัมป์ และเรียกร้องให้ผู้นำสหรัฐยุติแผนเก็บภาษีดังกล่าว

ทางด้านนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ก็ได้ออกมาตอบโต้แผนการดังกล่าวของปธน.ทรัมป์ โดยระบุว่า สหภาพยุโรป (EU) เตรียมเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐเป็นเงินกว่า 2.8 พันล้านยูโร หรือ 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นการตอบโต้ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมประกาศใช้นโยบายเก็บภาษีนำเข้าเหล็กจากต่างชาติ 25%

การตอบโต้ของ EU ครั้งนี้ไม่ได้มุ่งเก็บภาษีนำเข้าเพียงแค่เหล็กเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าการเกษตร รถยนต์และสินค้าอื่นๆที่มาจากสหรัฐ โดยคณะกรรมาธิการยุโรปได้มีการหารือมาตรการดังกล่าวกับผู้แทนจากภาครัฐในการประชุมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา