ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (12 มี.ค.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลงอย่างหนัก ซึ่งรวมถึงหุ้นโบอิ้ง และหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้ลงนามในคำสั่งเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ยังคงปิดในแดนบวก โดยส่วนหนึ่งได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนยังคงขานรับตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,178.61 จุด ลดลง 157.13 จุด หรือ -0.62% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,783.02 จุด ลดลง 3.55 จุด หรือ -0.13% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,588.32 จุด เพิ่มขึ้น 27.51 จุด หรือ +0.36%
-- นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเมื่อวานนี้ เพื่อสกัดข้อเสนอที่บริษัทบรอดคอม ซึ่งเป็นบริษัทเซมิคอนดัคเตอร์รายใหญ่ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในสิงคโปร์ ได้เสนอซื้อกิจการของควอลคอมม์ อิงค์ ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายชิพโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ระดับโลก โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ
รายงานข่าวระบุว่า ข้อเสนอดังกล่าวมีมูลค่าสูงถึง 1.17 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอาจเป็นข้อเสนอที่มีมูลค่ามากที่สุดในวงการเทคโนโลยี หากบรรลุข้อตกลงได้จริง
-- ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทได้ทำการปรับเวลาซื้อ-ขายหุ้นในตลาดเมื่อคืนนี้ โดยจะปรับเวลาเร็วขึ้น 1 ชั่วโมง เนื่องจากเข้าสู่ช่วง Daylight Saving Time
ทั้งนี้ ตลาดจะเปลี่ยนแปลงเวลาซื้อขาย จากเดิม 21:30-04:05 น. ตามเวลาไทย เป็น 20:30-03:05 น.ตามเวลาไทย
การปรับเวลาตาม Daylight Saving Time ในสหรัฐปีนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม-4 พฤศจิกายน
--นางเซซิเลีย มาล์มสตรอม กรรมาธิการการค้าของสหภาพยุโรป (EU) ให้คำมั่นว่าจะ "ลุกขึ้นสู้การรังแกข่มเหง" จากกรณีที่ประธานาธิบดีโนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐประกาศมาตรการเก็บภาษีเหล็กกล้าและโลหะนำเข้า
--นายเบนัวต์ โคเออร์ สมาชิกคณะกรรมการธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวในวันนี้ว่า อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจะยังคงอยู่ที่ระดับต่ำมากต่อไป
นายโคเออร์ยังระบุว่า ขณะนี้ อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนยังไม่ได้อยู่ในระดับที่ ECB ต้องการ
--ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก เปิดเผยผลการสำรวจพบว่า ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อของสหรัฐได้ดีดตัวขึ้นในเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นการเพิ่มแรงกดดันด้านราคา
ผลสำรวจการคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นข้อมูลที่เฟดใช้พิจารณาร่วมกับข้อมูลอื่นๆ พบว่า ตัวเลขเฉลี่ยคาดการณ์เงินเฟ้อล่วงหน้า 1 ปีอยู่ที่ระดับ 2.83% จากระดับ 2.71% ในเดือนม.ค. โดยเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีที่แล้ว
--สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ในเดือนเม.ย.ของสหรัฐ จะเพิ่มขึ้น 131,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 6.954 ล้านบาร์เรล/วัน
รายงานดังกล่าวสร้างความกังวลเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐ
--นายทาโร อาโสะ รมว.คลังญี่ปุ่น ยืนยันว่าตนจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง แม้มีข่าวอื้อฉาวกรณีชื่อของนางอากิเอะ อาเบะ ภรรยาของนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้ถูกลบออกจากเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการที่รัฐบาลขายที่ดินให้กับโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในราคาต่ำกว่าการประเมิน โดยโรงเรียนดังกล่าวดำเนินงานโดยนายโมริโตโม กาคุเอ็น ซึ่งมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนางอาเบะ
--มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 49 ราย และบาดเจ็บ 17 ราย หลังเกิดเหตุเครื่องบินของสายการบินยูเอส-บังกลา ในเครือของกลุ่มบริษัทยูเอส-บังกลา กรุ๊ป ได้ประสบอุบัติเหตุตกลง ขณะพยายามลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติตรีภูวัน ในกรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล
--นักลงทุนจับตาสหรัฐรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ.ในวันนี้ ขณะที่มีกระแสคาดการณ์ว่า ดัชนี CPI เดือนก.พ. จะขยายตัว 0.2% เทียบรายเดือน ซึ่งชะลอตัวลงจากอัตรา 0.5% จากเดือนก่อนหน้า
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน จะขยายตัว 0.2% ในเดือนก.พ. หลังจากขยายตัว 0.3% ในเดือนม.ค.
--สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆที่น่าจับตาในวันนี้ ได้แก่ ความเชื่อมั่นทางธุรกิจของออสเตรเลียเดือนก.พ.จากเนชั่นแนล ออสเตรเลีย แบงก์ (NAB) และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค.และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค.ของมาเลเซีย
ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อเครื่องจักรเดือนม.ค. และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงิน เยอรมนีจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ. อียูจะเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมยูโรโซนเดือนม.ค. ขณะที่สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.พ. ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.พ. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนม.ค.