รายงานฉบับใหม่จากดีลอยท์ แอคเซส อีโคโนมิกส์ เปิดเผยว่า เอเชียจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในปี 2561 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในแต่ละประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้น ประกอบกับโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่
แม้การที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ลงนามใช้มาตรการเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมนั้น ได้ก่อให้เกิดความเสี่ยงมากมายต่อเศรษฐกิจโลก แต่นายสตีเฟน สมิธ พาร์ทเนอร์ใหญ่ประจำดีลอยท์ แอคเซส อีโคโนมิกส์ กล่าวว่า ทุกฝ่ายไม่ควรรู้สึก "ตกตะลึง" ไปกับนโยบายอันเป็นที่ถกเถียงเช่นนี้
เขากล่าวว่า "ภาวะการเงินทั่วโลกยังคงอยู่ในระดับที่เอื้ออำนวย ขณะที่กระแสเงินทุนในเศรษฐกิจกลุ่มเกิดใหม่และกำลังพัฒนาก็ได้หวนกลับมาอีกครั้ง" พร้อมกล่าวว่า "ดูเหมือนว่าเศรษฐกิจโลกพร้อมจะเข้าสู่วัฏจักรการลงทุนครั้งใหม่ ซึ่งจะช่วยหนุนเศรษฐกิจให้ดีดตัวขึ้นด้วย"
รายงานดังกล่าวระบุว่า หัวใจหลักของความสำเร็จในเอเชียนั้นจะมาจากความก้าวหน้าของจีน ส่วนประเทศต่างๆอย่างออสเตรเลียอาจเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ "หากได้รับผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงขาลงจากจีน"
นายสมิธ กล่าวว่า "อย่างไรก็ดี เราตั้งสมมติฐานไว้ว่าเศรษฐกิจจีนจะยังคงเติบโตได้อย่างน่าประทับใจ"
ทั้งนี้ นายสมิธกล่าวว่า ตลาดผู้บริโภคกลุ่มเกิดใหม่ทั่วเอเชียน่าจะเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ขณะเดียวกัน โครงการโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่มากในภูมิภาคนี้ก็จะเข้ามามีบทบาทสำคัญด้วยเช่นกัน