องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ประกาศปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้า โดยได้อานิสงส์จากมาตรการปรับลดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และการใช้จ่ายของรัฐบาลสหรัฐ
"เศรษฐกิจโลกจะยังคงสดใสในช่วง 2 ปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากการลงทุนที่แข็งแกร่ง, การดีดตัวขึ้นของการค้าโลก และการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวในวงกว้าง" รายงานของ OECD ระบุ
ทั้งนี้ รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจฉบับล่าสุดของ OECD ระบุว่า เศรษฐกิจโลกจะเติบโต 3.9% ทั้งในปี 2561 และ 2562 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2554 โดยปรับเพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะมีการขยายตัว 3.7% และ 3.6% ในปี 2561 และ 2562 ตามลำดับ
นายอัลวาโร เพไรรา หัวหน้านักวิเคราะห์ของ OECB กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของการลงทุนในระดับโลกจะช่วยให้การค้าทั่วโลกมีการขยายตัว 5% ในปีนี้ แต่เศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญความเสี่ยงจากการทำสงครามการค้าที่อาจเกิดขึ้นจากการที่ปธน.ทรัมป์เรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม
ขณะเดียวกัน นายเพไรราคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ ขณะที่เงินเฟ้อดีดตัวขึ้น
ก่อนหน้านี้ นายเพไรราคาดการณ์ว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 3 ครั้งในปีนี้
ขณะเดียวกัน OECD ยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐ โดยคาดว่าจะมีการขยายตัว 2.9% ในปี 2561 และจะขยายตัว 2.8% ในปี 2562
ส่วนเศรษฐกิจยูโรโซน คาดว่าจะมีการขยายตัว 2.3% ในปี 2561 และ 2.1% ในปี 2562
OECD คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรจะมีการขยายตัว 1.3% ในปีนี้ โดยปรับเพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 1.2%
อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรยังคงมีการขยายตัวต่ำที่สุดในกลุ่ม G20
นอกจากนี้ เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มขยายตัว 1.5% ในปี 2561 โดยได้แรงหนุนจากการส่งออกที่แข็งแกร่ง แต่คาดว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวสู่ระดับ 1.1% ในปี 2562 โดยเพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะมีการขยายตัว 1.2% และ 1.0% ในปี 2561 และ 2562 ตามลำดับ