คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนม.ค. ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 22-23 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินของ BOJ มองว่าเศรษฐกิจของประเทศยังคงขยายตัวต่อเนื่องในระดับที่น่าพอใจ ขณะที่การส่งออกซึ่งมีแนวโน้มดีขึ้นจะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจฟื้นตัวต่อไป
รายงานการประชุมของ BOJ ระบุว่า เศรษฐกิจจะขยายตัวราว 1.4% ในปีงบประมาณ 2561 ส่วนแนวโน้มการขยายตัวในปีงบประมาณ 2562 ยังคงอยู่ที่ 0.7%
รายงานการประชุมระบุด้วยว่า เศรษฐกิจยังคงมีแนวโน้มเติบโตขึ้น โดยได้แรงหนุนจากความต้องการภาคเอกชนภายในประเทศ ขณะที่สมาชิก BOJ รายหนึ่งกล่าวว่า เศรษฐกิจน่าจะขยายตัวได้เหนือกว่าศักยภาพที่มีอยู่ จากแรงขับเคลื่อนของการบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของภาคธุรกิจ
ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคก็คาดว่าจะยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นต่อไป โดยได้คงเป้าหมายไว้ที่ระดับ 2%
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อของปีงบประมาณ 2561 ซึ่งจะเริ่มขึ้นในเดือนเม.ย.ไว้ที่ระดับ 1.4% ไม่เปลี่ยนแปลงจากคาดการณ์ครั้งก่อนเมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ส่วนอัตราเงินเฟ้อของปีงบประมาณ 2562 คาดว่าจะอยู่ที่ 2.3% และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะอยู่ที่ 1.8%
รายงานการประชุมระบุว่า "สมาชิกบางรายชี้ว่าเงินเฟ้อคาดการณ์ของภาคของธุรกิจและภาคครัวเรือนได้หยุดปรับตัวลดลง และเงินเฟ้อคาดการณ์ในหมู่นักลงทุนในตลาดก็ได้เริ่มปรับตัวขึ้น"
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.1% และเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตรในวงเงินไม่เกิน 80 ล้านล้านเยนต่อปี โดยมีเป้าหมายที่จะรักษาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อระยะยาว ให้เคลื่อนไหวที่ระดับ 0%
รายงานการประชุมกล่าวว่า "รัฐบาลคาดว่า BOJ จะสามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ได้ จากความเคลื่อนไหวต่างๆ ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ราคา และสภาวะแวดล้อมทางการเงิน"