สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ภาคเอกชนของญี่ปุ่นกำลังมองหาโอกาสในการส่งเสริมการลงทุนในเมียนมา แม้จะเกิดวิกฤติผู้ลี้ภัยในรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของประเทศ
นายเคน โคบายาชิ รองประธานสภาธุรกิจญี่ปุ่นได้กล่าวในการประชุมธุรกิจที่เมืองย่างกุ้ง ซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญของเมียนมาในสัปดาห์นี้ว่า วิกฤติโรฮิงญาไม่ได้ส่งผลกระทบเชิงลบต่อการลงทุนของญี่ปุ่นในเมียนมา
นายโคบายาชิ ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานฝ่ายการค้าของบริษัทมิตซูบิชิด้วยนั้น เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวขณะเข้าร่วมการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเมียนมา-ญี่ปุ่น ครั้งที่ 3 ว่า บรรดาบริษัทญี่ปุ่นต่างมองว่า เมียนมามีศักยภาพทางธุรกิจอยู่ในระดับสูง โดยได้ปัจจัยสนับสนุนจากแรงงานวัยหนุ่มสาวภายในประเทศ
สมาชิกของกลุ่มธุรกิจที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในญี่ปุ่นราว 60 บริษัท หรือที่รู้จักกันในชื่อสมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่น (Keidanren) เดินทางมาประชุมร่วมกับคู่ค้าจากสหภาพสมาพันธ์หอการค้าและอุตสาหกรรมเมียนมา โดยมุ่งหารือในประเด็นสำคัญๆ 3 ประการ ได้แก่ การปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ, การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
นายโคบายาชิกล่าวว่า คณะผู้แทนของเขาได้เข้าร่วมการประชุมเป็นเวลา 70 นาทีร่วมกับนางอองซาน ซูจี ผู้นำเมียนมา ณ กรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงของประเทศ ซึ่งถือเป็นการประชุมที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง
ด้านนายหม่อง หม่อง เลย์ รองประธานสหภาพสมาพันธ์หอการค้าและอุตสาหกรรมเมียนมาได้เปิดเผยกับสำนักข่าว NNA ว่า ผู้นำธุรกิจในท้องถิ่นต่างก็กระตือรือร้นที่จะร่วมมือกับนักลงทุนญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบ