นางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลกต่อต้านนโยบายกีดกันการค้าด้วยการใช้วิธีการที่สร้างสรรค์ หลังจากสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
นางลาการ์ดโพสต์ข้อความลงบนบล็อกของตนเองว่า "รัฐบาลทั่วโลกควรร่วมมือกันเพื่อลดกำแพงการค้า และแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการค้า ด้วยวิธีการที่สร้างสรรค์ โดยไม่ต้องใช้มาตรการพิเศษ รัฐบาลทั่วโลกควรสร้างความเชื่อมั่นว่า การที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมนั้น จะไม่นำไปสู่การกระตุ้นให้เกิดการใช้นโยบายการกีดกันทางการค้าเพิ่มขึ้นอีก" พร้อมเตือนว่า สงครามการค้าจะสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจโลก และจะไม่มีผู้ใดเป็นฝ่ายชนะจากสงครามครั้งนี้
ความเคลื่อนไหวของนางลาการ์ดมีขึ้นก่อนที่รัฐมนตรีคลังและผู้ว่าธนาคารกลางจากกลุ่มประเทศ G20 จะจัดการประชุมที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ในวันที่ 19-20 มี.ค. โดยวาระการประชุมจะครอบคลุมถึงการกำกับดูแลสกุลเงินดิจิทัล และนโยบายกีดกันทางการค้า รวมทั้งการจัดเก็บภาษีบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอี-คอมเมิร์ซระหว่างประเทศ
นางลาการ์ดกล่าวว่า "เจ้าหน้าที่กลุ่ม G20 จะมุ่งเน้นหารือเกี่ยวกับนโยบายต่างๆที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง อันเป็นผลพวงจากปัจจัยลบในด้านต่างๆ รวมทั้งกำหนดแนวทางที่จะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจโลกขยายตัวต่อไป"
นอกจากนี้ นางลาการ์ดยังกล่าวว่า เนื่องจากสงครามการค้ามีแต่จะสร้างความเสียหายให้เศรษฐกิจและประชาชน จึงสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้นโยบายการคลังในการแก้ปัญหาภาวะไร้สมดุลทางเศรษฐกิจ แทนที่จะสร้างกำแพงการค้าเพิ่มขึ้น สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คำกล่าวของผู้อำนวยการ IMF มีขึ้นหลังจากปธน.ทรัมป์ ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และภาษีอลูมิเนียมในอัตรา 10% โดยอ้างว่าเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ