รัฐมนตรีคลังจากกลุ่มประเทศ G20 ซึ่งประกอบไปด้วยประเทศมหาอำนาจและตลาดเกิดใหม่ 20 ประเทศ ต่างเห็นพ้องกันว่า ทุกประเทศควร "เปิดโต๊ะเจรจาและเดินหน้านโยบายการค้า" อย่างจริงจัง และยังคงยืนยันถึงจุดยืนหลัก ที่ต้องการต่อสู่กับนโยบายกีดกันการค้า
ที่ประชุมต่างเห็นพ้องกันในเรื่องของนโยบายการค้า เช่นเดียวกับที่เหล่าตัวแทนรัฐมนตรีคลังจากกลุ่มประเทศ G20 ให้คำมั่นเมื่อเดือนก.ค. ที่ผ่านมาว่าจะ "เดินหน้าต่อสู้นโยบายกีดกันการค้า" ซึ่งจะเปิดทางให้ประเทศต่างๆสามารถใช้เครื่องมือปกป้องการค้าได้ตามกรอบของกฏหมาย เพื่อต่อสู้กับนโยบายการค้าที่ไม่เป็นธรรม
แถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารจากกลุ่มประเทศ G20 ระบุว่า "การค้าและการลงทุนระหว่างประเทศถือเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยหนุนให้เศรษฐกิจโลกขยายตัวขึ้น รวมถึงช่วยเพิ่มผลิตภาพ นวัตกรรมใหม่ๆ การจ้างงาน และการพัฒนาในหลายระดับ"
นอกจากนี้ ที่ประชุมกลุ่ม G20 ยังยืนยันอีกด้วยว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีขึ้น สำหรับในส่วนของนโยบายด้านสกุลเงินนั้น ที่ประชุมยังคงมีความเห็นเหมือนเช่นเดิม อาทิ การหลีกเลี่ยงการปั่นค่าเงินให้ตกต่ำลง
สำหรับความวิตกกังวลเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลนั้น ที่ประชุมกลุ่ม G20 ได้เรียกร้องให้คณะทำงานเฉพาะกิจดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงิน (FATF) สร้างหลักประกันให้ประชาชนได้มั่นใจว่า สกุลเงินดิจิทัลจะไม่ตกเป็นเครื่องมือในการฟอกเงิน หรือกลายเป็นแหล่งสนับสนุนการเงินแก่กลุ่มก่อการร้าย
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ประเทศกลุ่ม G20 ประกอบไปด้วย อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย บราซิล อังกฤษ แคนาดา จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย อินโดนีเซีย อิตาลี ญี่ปุ่น เม็กซิโก รัสเซีย ซาอุดิอาระเบีย แอฟริกาใต้ เกาหลีใต้ ตุรกี สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป