กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ทางกระทรวงมีแผนกำหนดข้อบังคับให้ชาวต่างชาติที่ทำเรื่องขอวีซ่าเข้าสหรัฐนั้น ต้องยื่นประวัติทางโซเชียลมีเดียประกอบการพิจารณาด้วย
ข้อเสนอดังกล่าวระบุว่า ผู้ที่ทำเรื่องขอวีซ่าถาวรและชั่วคราวนั้น จำเป็นต้องให้ข้อมูลระบุตัวตนที่ใช้ตามแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆในช่วง 5 ปีก่อนหน้า นอกเหนือจากอีเมลและหมายเลขโทรศัพท์เก่า
กระทรวงต่างประเทศเปิดเผยผ่านเอกสารที่เตรียมเผยแพร่ในบันทึกราชการ (Federal Register) ว่า ขณะนี้ทางกระทรวงกำลังเปิดรับความคิดเห็นจากสาธารณะต่อข้อเสนอนี้ภายใน 60 วันข้างหน้า
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ประวัติทางโซเชียลมีเดีย อีเมล และหมายเลขโทรศัพท์ เป็นข้อกำหนดสำหรับผู้ขอวีซ่าบางรายที่จำเป็นต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด โดยปกติแล้วมีผู้ถูกตรวจสอบประมาณปีละ 65,000 ราย
การปรับเปลี่ยนดังกล่าวคาดว่าจะมีผลกระทบต่อผู้ที่ทำเรื่องขอวีซ่าถาวรและชั่วคราวแทบทุกคน ขณะที่กระทรวงต่างประเทศคาดการณ์ว่า จะมีผู้ขอวีซ่าถาวรได้รับผลกระทบราว 710,000 ราย และผู้ขอวีซ่าชั่วคราวอีกราว 14 ล้านราย
สำหรับผู้ที่อาจได้รับการยกเว้นจากข้อกำหนดใหม่นี้ ได้แก่ผู้ขอวีซ่าสำหรับเจ้าหน้าที่ทางการทูตและวีซ่าราชการบางประเภท
ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากสำนักงานการบริหารและงบประมาณ (OMB) ประจำทำเนียบขาว โดยข้อเสนอนี้แสดงให้เห็นถึงความเคลื่อนไหวล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐ ในการยกระดับมาตรการคัดกรองผู้เดินทางจากต่างประเทศ