เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐต่างก็ออกมาส่งสัญญาณว่า ทั้งสองประเทศยินดีที่จะจัดการเจรจาเพื่อคลี่คลายข้อพิพาทด้านการค้า โดยนายแลร์รี่ คุดโลว์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า ทั้งสหรัฐและจีนยังมีเวลาในการแก้ไขความขัดแย้งดังกล่าว
นายคุดโลว์เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้สหรัฐยังไม่มีการบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีน และจีนก็ยังไม่ได้บังคับใช้มาตรการดังกล่าวกับสหรัฐเช่นกัน พร้อมกล่าวว่า คณะทำงานของปธน.ทรัมป์กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับจีน มากกว่าที่จะประกาศสงครามการค้ากับจีน โดยทั้งสองประเทศมีเวลาอย่างน้อย 2 เดือนก่อนที่จะตัดสินใจบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้า
ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทวีตข้อความล่าสุดว่า "เราไม่ได้อยู่ในสงครามการค้ากับจีน สงครามประเภทนั้นได้สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากการบังคับใช้โดยเจ้าหน้าที่ที่โง่เขลาและไม่มีความสามารถของสหรัฐ"
ทางด้านนายชุย เถียนไค เอกอัคราชทูตจีนประจำสหรัฐกล่าวว่า ทางเลือกแรกของจีนควรจะเป็นการหันหน้าเจรจาการค้ากับสหรัฐ โดยจีนพร้อมที่จะเจรจาและปรึกษาหารือกับสหรัฐ อย่างไรก็ตาม หากสหรัฐกระทำการใดๆที่ตรงกันข้าม จีนก็พร้อมจะตอบโต้
ทั้งนี้ ความหวังที่ว่าทั้งจีนและสหรัฐจะหันหน้าเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาททางการค้ากับสหรัฐนั้น ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้น 230.94 จุด หรือ +0.96% ปิดที่ระดับ 24,264.30 จุดเมื่อคืนนี้ หลังจากที่ดาวโจนส์ดิ่งลงในช่วงแรก อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่าจีนได้เปิดเผยรายการสินค้าของสหรัฐที่จะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าในวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสินค้า 106 รายการใน 14 หมวดสินค้า เพื่อตอบโต้รัฐบาลสหรัฐที่เปิดเผยรายการสินค้าของจีนที่จะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าจำนวน 1,300 รายการ คิดเป็นวงเงินรวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงสินค้าด้านเทคโนโลยี