World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 23 เมษายน 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Monday April 23, 2018 08:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อวันศุกร์ (20 เม.ย.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากมอร์แกน สแตนลีย์ได้ปรับลดคาดการณ์ยอดขาย iPhone ของบริษัทแอปเปิล อิงค์ นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐยังสร้างแรงกดดันต่อตลาด และบดบังปัจจัยบวกจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่อย่างเจเนอรัล อิเลคทริค (GE)

-- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ที่ตลาดนิวยอร์กปรับตัวผันผวนเมื่อวันศุกร์ (20 เม.ย.) โดยในระหว่างวัน สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงไปกว่า 1% ก่อนที่จะขยับขึ้นปิดบวกเพียงเล็กน้อย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทวีตข้อความ วิพากษ์วิจารณ์กลุ่มประเทศโอเปกว่าพยายามผลักดันราคาน้ำมันขึ้นในระยะนี้

ทั้งนี้ ข้อความในทวิตเตอร์ของทรัมป์ระบุว่า "ดูเหมือนโอเปกจะเอาอีกแล้ว แม้ว่าจะมีปริมาณน้ำมันมากมายในทุกที่ ซึ่งรวมถึงในเรือกักเก็บน้ำมันในทะเล แต่โอเปกก็ได้สร้างราคาเทียมของน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างมาก นี่เป็นเรื่องที่ไม่ดี และยอมรับไม่ได้"

-- สำนักข่าว KCNA ของรัฐบาลเกาหลีเหนือรายงานโดยอ้างคำกล่าวของนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือว่า เกาหลีเหนือได้ตัดสินใจระงับการทดสอบนิวเคลียร์ และขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) รวมทั้งปิดฐานทดสอบนิวเคลียร์ในพื้นที่ตอนเหนือของประเทศ โดยการตัดสินใจดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่วันเสาร์ที่ 21 เม.ย.เป็นต้นไป

นายคิมกล่าวว่า เกาหลีเหนือได้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะเดินหน้าแผนการทดสอบนิวเคลียร์หรือขีปนาวุธข้ามทวีปอีกต่อไป

ทางด้านผู้นำของประเทศต่างๆได้ออกมาขานรับการตัดสินใจของเกาหลีเหนือ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทวีตข้อความว่า "นี่เป็นข่าวดีสำหรับเกาหลีเหนือและเป็นข่าวดีสำหรับทั่วโลกด้วย และถือเป็นความคืบหน้าครั้งใหญ่ด้วยเช่นกัน" ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนและเกาหลีใต้ต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่า การตัดสินใจดังกล่าวของเกาหลีเหนือจะส่งผลในด้านบวกต่อบรรยากาศการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือ รวมทั้งการประชุมระหว่างผู้นำสหรัฐและเกาหลีเหนือ ซึ่งจะมีขึ้นในไม่ช้านี้

-- นายเจมส์ แมคคอร์แมค หัวหน้านักวิเคราะห์ระดับโลกของฟิทช์ เรทติ้งส์ กล่าวว่า ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) จะเป็นปัจจัยกระทบอันดับความน่าเชื่อถือของสหราชอาณาจักรต่อไป

อย่างไรก็ดี นายแมคคอร์แมคกล่าวว่า ฟิทช์อาจปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของสหราชอาณาจักร หลังจากที่ตัวเลขการก่อหนี้ของรัฐบาลได้ลดลงสู่ระดับก่อนปี 2551 ซึ่งเป็นช่วงเกิดวิกฤตการเงินในเอเชีน นอกจากนี้ นายแมคคอร์แมคยังระบุว่า เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรไม่ได้ปรับตัวย่ำแย่ดังที่คาดไว้ และปัจจัยประเมินของฟิทช์ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ Brexit ทั้งหมด

-- นายฮัสซัน รูฮานี ประธานาธิบดีอิหร่าน เปิดเผยว่า องค์กรพลังงานปรมาณูของอิหร่านพร้อมตอบโต้ในรูปแบบที่สหรัฐคาดถึงและคาดไม่ถึง หากสหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่านตามที่เคยขู่ไว้

ทั้งนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้วิจารณ์ข้อตกลงนิวเคลียร์มาโดยตลอด โดยข้อตกลงฉบับนี้เกิดจากลงนามในปี 2558 ระหว่างอิหร่าน และกลุ่มประเทศ P5+1 ได้แก่ จีน รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐ และเยอรมนี ข้อตกลงดังกล่าวกำหนดให้ P5+1 ผ่อนปรนการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน ในขณะที่อิหร่านจะต้องระงับการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์

ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ต.ค. ปีที่แล้ว ปธน.ทรัมป์ประกาศไม่ให้การรับรองต่ออิหร่านในการปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ที่มีการทำไว้ในปี 2558 โดยระบุว่า อิหร่านไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ ขณะที่มีการละเมิดหลายครั้ง

-- นายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รมว.พลังงานรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียอาจจะไม่สนับสนุนมาตรการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันจนถึงสิ้นปีนี้ โดยรัสเซียอาจถอนตัวจากข้อตกลงดังกล่าว ก่อนสิ้นปีนี้

"ตอนนี้ผมไม่สามารถให้คำตอบแน่นอนได้ เพราะเรายังไม่เห็นภาพว่าตลาดจะปรับตัวอย่างไรในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า เรายังคงต้องจับตาสถานการณ์ต่อไป" เขากล่าว

ทั้งนี้ กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มได้บรรลุข้อตกลงกันในการปรับลดกำลังการผลิต 1.8 ล้านบาร์เรล/วันตั้งแต่เดือนม.ค.ปีที่แล้วจนถึงปลายปีนี้เพื่อแก้ปัญหาน้ำมันล้นตลาด และมีกำหนดประชุมกันในเดือนมิ.ย. เพื่อทบทวนแผนการปรับลดกำลังการผลิต

-- นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเปิดเผยว่า เขากำลังพิจารณาการเดินทางไปเยือนประเทศจีน ท่ามกลางข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่กำลังยืดเยื้อในขณะนี้ โดยนายมนูชินกล่าวว่า เขามีมุมมองที่เป็นบวกว่า สหรัฐอาจจะบรรลุข้อตกลงบางด้านซึ่งจะช่วยคลี่คลายข้อพิพาทดังกล่าว ขณะที่สื่อบางสำนักมองว่า ความเคลื่อนไหวของรมว.คลังสหรัฐอาจเป็นสัญญาณด้านบวกที่จะสามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนได้

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์จีน (MOC) ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่า ทางการจีนได้รับข้อมูลที่ระบุว่า นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐ มีความประสงค์ที่จะเดินทางเยือนจีน เพื่อหารือในประเด็นเศรษฐกิจและการค้า

-- นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้ และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันศุกร์

ส่วนการประชุม ECB ครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น ที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน จนถึงเดือนก.ย. ขณะที่การประชุม BOJ ครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น ที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.1% และเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตร โดยมีเป้าหมายที่จะรักษาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อระยะยาว ให้เคลื่อนไหวที่ระดับ 0%

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศต่างๆซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ มาร์กิตจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนเม.ย. และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนเม.ย. ของฝรั่งเศส เยอรมนี สหภาพยุโรป และสหรัฐ นอกจากนี้ ทางการสหรัฐจะเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ออสเตรเลียจะเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อไตรมาส 1 ขณะที่เยอรมนีจะเปิดเผยความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนเม.ย.จาก Ifo และสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนก.พ.โดยเอสแอนด์พี/เคซ-ชิลเลอร์, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.จาก Conference Board และยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ