รัฐบาลออสเตรเลียประกาศแผนการประเมินความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ หลังจากที่เกิดกระแสวิตกว่า ปริมาณพลังงานสำรองของประเทศอยู่ในระดับต่ำจนน่ากังวล
นายจอช ฟรายเดนเบิร์ก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานออสเตรเลียเปิดเผยว่า การประเมินครั้งนี้มีจุดประสงค์ในการตรวจสอบว่า ขณะนี้ออสเตรเลียจัดหาพลังงานและใช้พลังงานอย่างไร ก่อนที่จะมีการออกคำแนะนำตามมา
รายงานข่าวระบุว่า ออสเตรเลียมีปริมาณน้ำมันดิบที่เพียงพอต่อการใช้งานเหลือเพียง 22 วันเท่านั้น ส่วนปริมาณน้ำมันเครื่องเหลืออยู่เพียง 20 วัน และก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เหลืออยู่ 59 วัน
"การประเมินเป็นสิ่งที่สำคัญและสมควรที่จะทำ เพื่อที่จะได้สร้างความเชื่อมั่นว่า เราไม่ได้นิ่งนอนใจ และไม่สมควรที่จะนำไปตีความว่า ออสเตรเลียกำลังมีปัญหาด้านความมั่นคงพลังงาน"
"ปริมาณเชื้อเพลิงเหลวของออสเตรเลียที่เพิ่มขึ้นนั้น เป็นผลพวงมาจากแหล่งเชื้อเพลิงในต่างประเทศ และขึ้นอยู่กับแรงขับเคลื่อนในตลาดที่ต้องการรักษาเสถียรภาพและราคาของเชื้อเพลิง การประเมินครั้งนี้จะเป็นการเมินว่า รัฐบาลควรที่จะยกระดับการดำเนินงานเพื่อให้ปริมาณเชื้อเพลิงในประเทศมีเสถียรภาพหรือไม่"
"นอกจากนี้การประเมินครั้งนี้จะช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับแผนของออสเตรเลียที่จะกลับไปรับรองพันธะการเป็นหุ้นส่วนของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ภายในปี 2569 อีกด้วย"
นายมัลคอล์ม เทิร์นบูล นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียไม่ได้มีท่าทีตระหนกต่อการประเมินครั้งนี้ โดยมองว่า เป็นเพียง "การสอดส่องดูแลบ้านที่ดี" พร้อมกล่าวด้วยว่า ไม่มีประเด็นใหญ่ที่น่าวิตกกังวล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า IEA ระบุว่า ทุกประเทศจะต้องมีการเก็บพลังงานสำรองไว้ที่ "เท่ากับปริมาณการนำเข้าน้ำมันจำนวน 90 วัน" ซึ่งขณะนี้ออสเตรเลียมีปริมาณน้ำมันสำรองเหลือน้อยกว่า 50 วัน