World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 8 พฤษภาคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday May 8, 2018 09:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 พ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นเหนือระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรล ทำสถิติสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี ขณะที่นักลงทุนจับตาท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐว่าจะตัดสินใจถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านหรือไม่

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐเปิดเผยผ่านทวิตเตอร์ว่า "ผมจะประกาศการตัดสินใจเกี่ยวกับข้อตกลงอิหร่านในวันอังคารที่ 8 พ.ค. เวลา 14.00 น.ตามเวลาสหรัฐ"

สำหรับข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านนั้น เกิดจากลงนามในปี 2558 ระหว่างอิหร่าน และกลุ่มประเทศ P5+1 ได้แก่ จีน รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐ และเยอรมนี ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวกำหนดให้ P5+1 ผ่อนปรนการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน ในขณะที่อิหร่านจะต้องระงับการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์

แต่เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ปีที่แล้ว ปธน.ทรัมป์ประกาศไม่ให้การรับรองต่ออิหร่านในการปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ที่มีการทำไว้ในปี 2558 โดยระบุว่า อิหร่านไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว และมีการละเมิดหลายครั้ง ซึ่งหากปธน.ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ก็จะปูทางให้สหรัฐทำการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่

-- นายฮัสซัน รูฮานี ประธานาธิบดีอิหร่านยืนยันว่า อิหร่านจะยังคงรักษาข้อตกลงนิวเคลียร์ต่อไป ถึงแม้สหรัฐจะประกาศถอนตัวก็ตาม เนื่องจากทั่วโลก ยกเว้นบางประเทศ เช่น สหรัฐ ต่างก็ไว้วางใจในอิหร่าน และต้องการให้มีการรักษาข้อตกลงนิวเคลียร์ต่อไป

นายรูฮานีเตือนว่า สหรัฐจะทำความผิดพลาดด้านกลยุทธ์ หากทำการถอนตัวจากข้อตกลงดังกล่าว และย้ำว่าอิหร่านไม่มีความกังวลต่อนโยบายที่ชั่วร้ายของสหรัฐ

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกโรงปกป้องนางจีน่า แฮสเปล ซึ่งได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) หลังมีข่าวว่านางแฮลเปลอาจถอนตัวจากตำแหน่งดังกล่าว เนื่องจากมีความกังวลต่อบทบาทเดิมของตนในขณะที่เป็นรองผู้อำนวยการ CIA ที่เกี่ยวข้องกับการตั้งคุกลับในไทยในปี 2545 เพื่อคุมขังและทรมานนักโทษของ CIA ที่พัวพันกับการก่อการร้าย

สื่อรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวได้เรียกตัวนางแฮสเปลเข้าพบเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเพื่อสอบถามเกี่ยวกับประวัติการทำงานที่ผ่านมาที่เกี่ยวข้องกับการตั้งคุกลับในไทย ซึ่งมีการใช้โค้ดลับ "Cat’s Eye" เพื่อคุมขังนักโทษของ CIA ที่พัวพันกับการก่อการร้าย โดยเฉพาะกลุ่มอัลกออิดะห์ ซึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานว่านางแฮสเปลให้การสนับสนุนการทรมานนักโทษในคุกลับดังกล่าวเพื่อให้คายความลับออกมา ด้วยการทำ waterboarding โดยให้นักโทษนอนหงายบนกระดาน และผู้คุมจะเอาผ้าชุบน้ำวางบนหน้านักโทษ พร้อมกับเทน้ำลงบนหน้าอย่างต่อเนื่องให้ไหลเข้าสู่จมูกและปาก ซึ่งจะทำให้นักโทษอยู่ในสภาพเหมือนกับกำลังจมน้ำ โดย CIA เชื่อว่าเมื่อนักโทษทนการทรมานด้วยวิธีนี้ไม่ไหว ก็จะยอมเปิดเผยความลับทุกอย่างที่ CIA ต้องการ

-- ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินประกาศแต่งตั้งให้นายดมิทรี เมดเวเดฟ เป็นนายกรัฐมนตรีรัสเซียอีกครั้งหนึ่ง หลังจากนายเมดเวเดฟดำรงตำแหน่งดังกล่าวนับตั้งแต่ปี 2555

การแต่งตั้งนายเมดเวเดฟเป็นนายกรัฐมนตรีรัสเซียมีขึ้นหลังจากที่ปธน.ปูตินเข้สาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซีย เมื่อวานนี้ ซึ่งเขาจะทำหน้าที่ประธานาธิบดีอีกวาระหนึ่งเป็นเวลา 6 ปี

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีปูตินชนะการเลือกตั้งในวันที่ 18 มี.ค. หลังจากที่ได้รับการสนับสนุนจากชาวรัสเซียผู้มีสิทธิลงคะแนนจำนวนมากกว่า 70%

-- นายเซอจิโอ แมตตาเรลลา ประธานาธิบดีอิตาลี ได้จัดการประชุมหารือรอบสุดท้าย เพื่อหาทางยุติภาวะชะงักงันทางการเมืองที่เกิดขึ้นนาน 2 เดือน หลังจากที่นักการเมืองจากพรรคต่างๆยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกัน เนื่องจากยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่

โดยพรรค 5-Star Movement และพรรค League ซึ่งเป็นพรรคการเมือง 2 พรรคที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี ต่างเห็นพ้องกันว่า ควรมีการจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ในวันที่ 8 ก.ค. หลังจากที่ไม่มีพรรคการเมืองใดครองเสียงข้างมากจากการเลือกตั้งในวันที่ 4 มี.ค.

-- คณะกรรมการบริหารของบริษัทแอร์ฟรานซ์-เคแอลเอ็มเตรียมจัดการประชุมในวันที่ 15 พ.ค. เพื่อหารือกันถึงแผนการปรับโครงสร้างบริหาร หลังจากที่นายฌอง-มาร์ค จาไนลาค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังสหภาพปฏิเสธข้อเสนอขึ้นเงินเดือนจากฝ่ายบริหาร

ทั้งนี้ สหภาพต้องการให้มีการปรับขึ้นเงินเดือน 5.1% ในปีนี้ ในขณะที่ฝ่ายบริหารเสนอขึ้นเงินเดือน 2% ในปีนี้ และอีก 5% ในช่วงปี 2562-2564

ส่วนราคาหุ้นแอร์ฟรานซ์-เคแอลเอ็ม ปิดตลาดร่วงลง 9.8% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนนี้

-- กระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ตอบโต้สหรัฐ หลังจากที่สหรัฐออกมาวิพากษ์วิจารณ์จีนที่ได้เรียกร้องให้สายการบินต่างๆระบุว่า ไต้หวัน, ฮ่องกง และมาเก๊า เป็นดินแดนที่อยู่ในภูมิภาคของจีน

ก่อนหน้านี้ กรมการบินของจีนได้มีข้อเรียกร้องไปยังสายการบินต่างๆให้ถอดข้อความในเว็บไซต์ที่บ่งชี้ว่าไต้หวัน, ฮ่องกงและมาเก๊าเป็นดินแดนอิสระที่แยกจากจีน ด้านทำเนียบขาวระบุในวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า กรณีที่กรมการบินของจีนส่งหนังสือไปยังสายการบินต่างๆให้มีการเปลี่ยนแปลงข้อความดังกล่าว "ถือเป็นเรื่องที่ไร้สาระ"

-- นายราฟาเอล บอสติค ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า ยังคงคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้และการพุ่งขึ้นของค่าจ้างจะไม่เปลี่ยนแปลงคาดการณ์ดังกล่าว

นายบอสติคกล่าวว่า เขาสามารถยอมรับได้ต่อการพุ่งขึ้นในบางครั้งของเงินเฟ้อ และเฟดจะไม่ส่งสัญญาณครั้งใหญ่เกี่ยวกับแนวโน้มราคา ถ้าหากค่าจ้างได้เริ่มดีดตัวเร็วขึ้นตามที่เฟดได้คาดการณ์ไว้

-- นายวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นประธานและซีอีโอบริษัท เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ กล่าวว่า จะยังคงซื้อหุ้นต่อไปในระยะยาว มากกว่าที่จะซื้อพันธบัตร แม้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีพุ่งแตะระดับ 3% เนื่องจากตนไม่คาดว่าตลาดหุ้นจะอยู่ในภาวะฟองสบู่ และได้คำนวณว่า การลงทุนในกองทุนดัชนีแห่งหนึ่งที่เขาได้ซื้อหุ้นตัวแรกในปี 2485 ในวงเงิน 10,000 ดอลลาร์ จะมีมูลค่าเท่ากับ 51 ล้านดอลลาร์ในวันนี้

-- นายราฟาเอล บอสติค ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า เขายังคงคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ และการพุ่งขึ้นของค่าจ้างจะไม่เปลี่ยนแปลงคาดการณ์ดังกล่าว

นายบอสติคกล่าวว่า เขาสามารถยอมรับได้ต่อการพุ่งขึ้นในบางครั้งของเงินเฟ้อ และเฟดจะไม่ส่งสัญญาณครั้งใหญ่เกี่ยวกับแนวโน้มราคา ถ้าหากค่าจ้างได้เริ่มดีดตัวเร็วขึ้นตามที่เฟดได้คาดการณ์ไว้

-- นักลงทุนต่างชาติเข้าถือครองพันธบัตรรัฐบาลจีนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนเม.ย. หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรทะยานขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี

ยอดซื้อพันธบัตรจีนจากนักลงทุนต่างชาติพุ่งแตะ 6.64 หมื่นล้านหยวน (1.04 หมื่นล้านดอลลาร์) ในเดือนเม.ย. ส่งผลให้ยอดถือครองพัธนบัตรทั้งหมดอยู่ที่ 1.15 ล้านล้านหยวน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2557

ทั้งนี้ พันธบัตรจีนให้ผลตอบแทนสูงสุดในเดือนเม.ย.นับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2558 เนื่องจากธนาคารมีสภาพคล่องมากขึ้น และความวิตกกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยลดลง

-- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศษฐกิจของประเทศต่างๆในวันนี้ โดยออสเตรเลียเตรียมเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนมี.ค. ขณะที่จีนจะเปิดเผยดุลการค้าเดือนเม.ย. เยอรมนีจะเปิดเผยดุลการค้าและการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. อังกฤษจะเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนเม.ย.จากฮาลิแฟกซ์ และสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจขนาดย่อมเดือนเม.ย. โดยสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นจะเปิดเผยทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนเม.ย. ส่วนออสเตรเลียจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จากเวสต์แพค ด้านฝรั่งเศสเตรียมเปิดเผยข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. ขณะที่สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย. สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมี.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ