อุตสาหกรรมยานยนต์ของเยอรมนีออกมาแสดงปฏิกิริยาอย่างระมัดระวัง หลังมีข่าวว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เริ่มดำเนินมาตรการที่อาจนำไปสู่การกำหนดอัตราภาษีใหม่สำหรับรถยนต์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ
บีเอ็มดับเบิลยู ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากเมืองมิวนิค ของเยอรมนี ออกแถลงการณ์ว่า "หลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐได้พูดถึงประเด็นดังกล่าวซ้ำแล้วซ้ำอีก คาดว่ารัฐบาลสหรัฐได้เริ่มประเมินความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์แล้ว"
แถลงการณ์ดังกล่าวของบีเอ็มดับเบิลยูมีขึ้นหลังจากเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ได้สั่งการให้นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พิจารณาแผนการตรวจสอบเพื่อประเมินว่า รถยนต์และรถบรรทุกที่นำเข้าจากต่างประเทศนั้นเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติหรือไม่ ภายใต้กฎหมายการค้าในทศวรรษที่ 1960
บีเอ็มดับเบิลยูระบุว่า การเข้าถึงตลาดเสรีนั้นเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญในรูปแบบการดำเนินธุรกิจของบริษัท และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจโลกโดยรวม
ขณะที่โฟล์คสวาเกนก็ได้ออกมาเตือนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า การกีดกันทางการค้าเพียงฝ่ายเดียวมีแต่จะสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจในอดีตที่ผ่านมา มีเพียงแต่การค้าที่เป็นธรรมและเสรีเท่านั้นที่จะช่วยเพิ่มความมั่งคั่ง และทำให้ผู้ผลิตรถยนต์มีการลงทุนระยะยาวที่สมเหตุสมผลได้ต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ ตามข่าวที่มีการรายงานออกมาระบุว่า สหรัฐอาจเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์เพิ่มขึ้นเป็น 25% เมื่อเทียบกับปัจจุบันที่รถยนต์ส่วนมากถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 2.5% โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้จะส่งผลให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของเยอรมนีต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในตลาดสหรัฐ