การประชุมรัฐมนตรีการค้าจาก 21 ชาติสมาชิกกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ซึ่งจัดขึ้นที่ปาปัวนิวกินี ได้เสร็จสิ้นลงแล้วในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมยังไม่สามารถตกลงกันได้ในประเด็นระบบการค้าพหุภาคี
ทั้งนี้ หลังจากการประชุมระยะเวลา 2 วันเสร็จสิ้นลงในวันนี้ รัฐมนตรีการค้ากลุ่มเอเปกได้ออกแถลงการณ์ร่วมกัน โดยระบุว่า ที่ประชุมได้หารือกันในหลายประเด็น ซึ่งรวมถึงการส่งเสริมเศรษฐกิจระบบดิจิทัล และการให้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างแน่นแฟ้นขึ้นในภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมยังไม่สามารถตกลงกันได้ในประเด็นระบบการค้าพหุภาคี ตามที่องค์การการค้าโลก (WTO) ได้ริเริ่มเอาไว้
นายริมบิงค์ พาโต รัฐมตรีการค้าและกิจการต่างประเทศของปาปัวนิวกินี ได้กล่าวในแถลงการณ์ว่า "ที่ประชุมได้เน้นย้ำว่า การเปิดเสรีและการอำนวยความสะดวกด้านการค้า ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกอย่างยั่งยืน และเรายังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนให้กลุ่มเอเปกเป็นผู้นำในการส่งเสริตลาดเสรีและเปิดกว้าง ด้วยเหตุนี้ เราจึงยืนยืนถึงความมุ่งมั่นของเรา ที่จะเดินหน้าเปิดตลาด และต่อสู้กับนโยบายกีดกันการค้า และมาตรการใดๆก็ตามที่บิดเบือนการค้า"
ทั้งนี้ รัฐมนตรีการค้ากลุ่มเอเปกได้จัดการประชุมเพื่อปรึกษาหารือกัน ก่อนที่การประชุมสุดยอดของกลุ่มเอเปกจะจัดขึ้นในเดือนพ.ย. ที่เมืองพอร์ตมอร์สบีของปาปัวนิวกินี ขณะที่สื่อรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดเอเปกในครั้งนี้ด้วย
รัฐบาลออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่สุดของปาปัวนิวกินี จะสนับสนุนการรักษาความปลอดภัยในช่วงการประชุมสุดยอดกลุ่มเอเปก โดยจะส่งเจ้าหน้าที่ป้องกันภัยทางอากาศ ทางทะเล และทางบก เข้าเสริมกับกองกำลังของปาปัวนิวกินี ขณะที่รัฐบาลจีนจะให้ความช่วยเหลือด้านการขนส่งเจ้าหน้าที่ และผู้นำของโลก ด้วยการจัดหารถยนต์ และรถบัสจำนวน 70 คัน
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ประเทศสมาชิกกลุ่มเอเปกทั้ง 21 ประเทศ ประกอบไปด้วย ออสเตรเลีย ไทย บรูไน แคนาดา ชิลี จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย เม็กซิโก นิวซีแลนด์ ปาปัวนิวกินี เปรู ฟิลิปปินส์ รัสเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม