ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (31 พ.ค.) หลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากแคนาดา, เม็กซิโก และสหภาพยุโรป (EU) ขณะที่ประเทศคู่ค้าเหล่านี้ได้ออกมาตรการตอบโต้สหรัฐทันที ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าอาจจะนำไปสู่การทำสงครามการค้าในไม่ช้านี้ โดยความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้ฉุดหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลง ซึ่งรวมถึงหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ขณะที่การร่วงลงของราคาน้ำมันได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงเช่นกัน
-- นางคริสเทีย ฟรีแลนด์ รมว.ต่างประเทศแคนาดา ประกาศมาตรการตอบโต้สหรัฐ หลังจากที่สหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมต่อแคนาดา, เม็กซิโก และสหภาพยุโรป (EU) ในวันนี้
ทั้งนี้ นางฟรีแลนด์กล่าวว่า แคนาดาจะเรียกเก็บภาษีต่อเหล็กและอลูมิเนียม รวมทั้งสินค้าอื่นๆที่นำเข้าจากสหรัฐ
ทางด้านนายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา กล่าวว่า การที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมต่อแคนาดาจะส่งผลกระทบต่อทั้งสองประเทศ
-- คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) แสดงความไม่พอใจต่อการที่สหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมต่อแคนาดา เม็กซิโก และ EU
นายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธาน EC กล่าวว่า EU กำลังได้รับผลกระทบมากเท่าๆกับการที่สหรัฐได้รับผลกระทบจากภาวะกำลังการผลิตเหล็กที่มากเกินไปในตลาด และไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการดำเนินการทางกฎหมายกับสหรัฐผ่านทางองค์การการค้าโลก (WTO)
-- พรรค Five Stars Movement (M5S) และพรรค League สามารถบรรลุข้อตกลงในการจัดตั้งรัฐบาลผสมแล้วเมื่อคืนนี้ โดยนายจิโอวานนี เทรีย ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ จะเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีเศรษฐกิจ
การบรรลุข้อตกลงในการจัดตั้งรัฐบาลผสมจะช่วยให้อิตาลีสามารถปลดล็อกทางการเมืองที่ดำเนินมานาน 3 เดือน หลังการเลือกตั้งในวันที่ 4 มี.ค.ที่ไม่มีพรรคการเมืองใดครองเสียงข้างมากในรัฐสภา
-- นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือกล่าวยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี ระหว่างพบหารือกับนายเซอร์เกย์ เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของรัสเซีย ที่เดินทางเยือนกรุงเปียงยาง เมื่อวานนี้
ด้านนายลาฟรอฟได้แสดงความชื่นชมรัฐบาลเกาหลีเหนือที่ดำเนินการตามขั้นตอนที่เป็นรูปธรรมไปพร้อมกับการมีปฎิสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาลเกาหลีใต้ และสหรัฐอเมริกา ซึ่งทำให้สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีมุ่งหน้าสู่ช่วงเวลาแห่งความมั่นคง
-- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซิน อยู่ที่ระดับ 51.1 ในเดือนพ.ค. ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับของเดือนเม.ย.
ดัชนี PMI ที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนยังคงมีการขยายตัว และดัชนีที่เคลื่อนไหวต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัวในภาคการผลิต
-- ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยการประมาณการครั้งสุดท้ายของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาสแรกในวันนี้ โดยระบุว่า GDP ขยายตัว 1% ซึ่งดีดตัวขึ้นจากที่หดตัว 0.2% ในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม GDP ไตรมาส 1 ลดลงเล็กน้อยจากการประมาณการเบื้องต้นเมื่อเดือนเม.ย. ซึ่งระบุว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้ขยายตัว 1.1%
-- กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า การใช้จ่ายด้านทุนของบริษัทเอกชนญี่ปุ่นในไตรมาส 1 ปรับตัวขึ้น 3.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ทั้งนี้ การลงทุนในภาคธุรกิจของบริษัทนอกภาคการเงินญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึงการลงทุนในการสร้างโรงงานและอุปกรณ์เสริมต่างๆนั้น คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 14.77 ล้านล้านเยน (ประมาณ 1.36 แสนล้านดอลลาร์) เพิ่มขึ้น 3.4% ในไตรมาส 1 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 6 ไตรมาส
-- รัฐบาลอินเดียเปิดเผยว่า เศรษฐกิจอินเดียมีการขยายตัว 7.7% ในไตรมาสแรก ซึ่งถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่รัฐบาลประกาศใช้นโยบาย demonetisation ด้วยการยกเลิกธนบัตรมูลค่า 500 และ 1,000 รูปีในเดือนพ.ย.2559 รวมทั้งการเรียกเก็บภาษีสินค้าและบริการ (GST) ในเดือนก.ค.ปีที่แล้ว
-- สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 4.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลงเพียง 525,000 บาร์เรล
-- นักลงทุนจับตาเศรษฐกิจที่น่าสนใจซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนพ.ค.จากมาร์กิตของฝรั่งเศส เยอรมนี EU อังกฤษ และสหรัฐ รวมถึง ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.ของสหรัฐ
สำหรับในวันจันทร์ที่จะถึงนี้จะมีการเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.ของออสเตรเลีย อัตราว่างงานเดือนเม.ย.ของอินโดนีเซีย และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เม.ย. ของ EU