สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ออกมาเรียกร้องนานาประเทศ ให้ทำงานอย่างสร้างสรรค์ เพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า หลังจากที่สหรัฐเดินหน้าเก็บภาษีสินค้าประเภทเหล็กและอลูมิเนียมที่นำเข้าจากสหภาพยุโรป (EU) แคนาดา และเม็กซิโก
เจอร์รี่ ไรซ์ โฆษกประจำ IMF กล่าวว่า "เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ความตึงเครียดทางการค้ากำลังก่อตัวขึ้นเรื่อยๆในขณะนี้ เนื่องจากการฟื้นตัวของประเทศต่างๆทั่วโลกนั้น ได้รับแรงหนุนจากการค้า"
"ทุกฝ่ายต่างได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ เราขอให้ประเทศต่างๆร่วมมือกันสร้างสรรค์เพื่อลดกำแพงการค้าและแก้ไขความขัดแย้งโดยไม่ใช้มาตรการกีดกันทางการค้า" ไรซ์กล่าว
ด้านนางคริสติน ลาการด์ ผู้อำนวยการ IMF ได้ออกมาเตือนเช่นกันว่า ผู้ที่จะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้ามากที่สุดคือผู้ที่ยากจนที่สุด
"ท้ายที่สุดแล้ว หากประเด็นความขัดแย้งทางการค้ายังคงบานปลาย หากระดับความเชื่อมั่นระหว่างผู้ค้าได้รับความเสียหายรุนแรง ผู้ที่จะได้รับผลกระทบหนักสุดคือประชาชนผู้ยากไร้ที่สุด" นางลาการ์ดกล่าวผ่านทวิตเตอร์
ก่อนหน้านี้ นางลาการ์ดได้เรียกร้องให้เกิดความร่วมมือในระดับนานาชาติที่มากขึ้น เพื่อสร้างระบบการค้าที่ดีกว่าเดิม
"ตลอด 70 ปีที่ผ่านมา ประเทศต่างๆได้ร่วมมือกันเพื่อสร้างระบบการค้าพหุภาคีที่ช่วยให้ผู้คนหลายร้อยล้านคนหลุดพ้นจากความยากจน ขณะเดียวกันยังช่วยเพิ่มรายได้และยกระดับมาตรฐานการใช้ชีวิตในทุกประเทศ" นางลาการด์กล่าว
"ถึงเวลาแล้วที่เราจะผลักดันการปฏิรูปการค้าในระบบนิเวศพหุภาคีที่ซึ่งทุกฝ่ายต่างเคารพกฎและร่วมมือกันเป็นหุ้นส่วนด้วยความยุติธรรม"
ทั้งนี้ นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ได้ออกมาประกาศว่า สหรัฐจะเก็บภาษีสินค้าประเภทเหล็กและอลูมิเนียมที่นำเข้าจาก EU แคนาดา และเม็กซิโก