สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า บรรดาผู้ประกอบการในเยอรมนีต่างแสดงความไม่พอใจ หลังจากที่สหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้าเหล็กและอลูมิเนียมที่นำเข้าจากสหภาพยุโรป (EU) แคนาดา และเม็กซิโก
นายฮานส์ เจอร์เก็น เคอร์คอฟ ประธานสหพันธ์เหล็กเยอรมนีกล่าวว่า "อุตสาหกรรมเหล็กของเยอรมนีขอประรามมาตรการของสหรัฐ" พร้อมระบุว่ามาตรการดังกล่าวเป็นการแทรกแซงและกีดกันการค้าสากล ซึ่งขัดกับหลักการขององค์การการค้าโลก (WTO)
ด้านนายอีริค ชไวเซอร์ ประธานหอการค้าและอุตสาหกรรรมเยอรมัน (DIHK) ระบุว่า "สหรัฐทำผิดกฎสากลด้วยการประกาศเก็บภาษีสินค้าที่นำเข้าจากประเทศพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุด มาตรการดังกล่าวจะทำให้มีแต่ผู้แพ้ ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภคในสหรัฐ รวมทั้งบริษัทใน EU และสหรัฐเองในฐานะฐานการผลิต" นายชไวเซอร์กล่าว พร้อมวิจารณ์ว่า ประเด็นด้านความมั่นคงที่สหรัฐใช้อ้างเพื่อบังคับใช้มาตรการดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่ฟังไม่ขึ้น
ทั้งนี้ นักลงทุนเชื่อว่ามาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อบริษัทใน EU เป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
รัฐบาลสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก 25% และภาษีนำเข้าอลูมิเนียม 10% จากแคนาดา, เม็กซิโก และ EU โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันนี้เวลา 11.00 น.ตามเวลาไทย หลังจากที่การเจรจาระหว่างสหรัฐและ EU ประสบความล้มเหลว
ทางด้านประเทศคู่ค้าของสหรัฐเหล่านี้ได้ออกมาส่งสัญญาณตอบโต้ทันที โดยรัฐบาลแคนาดาประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีสินค้าเหล็กและอลูมิเนียม รวมทั้งสินค้าอื่นๆที่นำเข้าจากสหรัฐ ขณะที่สหภาพยุโรป (EU) และเม็กซิโกประกาศมาตรการตอบโต้สหรัฐเช่นกัน โดย EU ได้ประกาศรายชื่อสินค้าสหรัฐหลายร้อยรายการที่จะถูกเรียกเก็บภาษี นับตั้งแต่เนยถั่วไปจนถึงมอเตอร์ไซค์ ส่วนเม็กซิโกประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐ ซึ่งรวมถึงเนื้อสุกร, แอปเปิล, องุ่น, ชีส และเหล็กแผ่น