รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของกลุ่มประเทศ G7 ออกโรงวิพากษ์วิจารณ์มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมของสหรัฐอย่างหนัก ในที่ประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่ม G7 ที่ประเทศแคนาดา โดยสหภาพยุโรป (EU) และรัฐบาลแคนาดา ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวต่างให้คำมั่นว่าจะดำเนินการตอบโต้ ด้านนายบรูโน เลอ แมร์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของฝรั่งเศสเตือนว่า สงครามการค้าอาจจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐทวิตข้อความยืนยันจุดยืนของการบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีว่า "สหรัฐต้องเผชิญกับการขูดเลือดขูดเนื้อด้านการค้าจากประเทศอื่นๆมาเป็นเวลานานหลายปี" พร้อมระบุด้วยว่า มาตรการนี้จะช่วยปกป้องบริษัทเหล็กของอเมริกา ซึ่งมีความสำคัญต่อความมั่นคงของประเทศ และในการนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้กล่าวตำหนิการกีดกันทางการค้าที่บริษัทสหรัฐต้องเผชิญทั้งในยุโรปและในอีกหลายประเทศ ดังนั้นจึงถึงเวลาที่สหรัฐจะต้องฉลาดปราดเปรื่องขึ้นแล้ว ผู้นำสหรัฐกล่าวเสริม
ด้านนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ระบุว่าสหรัฐละทิ้งตำแหน่งผู้นำในระบบเศรษฐกิจโลก พร้อมกล่าวว่า ตนได้ส่งผ่านกระแสความโกรธเคืองที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากนานาประเทศให้กับประธานาธิบดีทรัมป์ได้รับทราบแล้ว
อย่างไรก็ดี ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่ม G7 ครั้งนี้ไม่มีการออกแถลงการณ์ร่วมกันแต่อย่างใด ซึ่งหลายฝ่ายมองว่า ถือเป็นการส่งสัญญาณอันชัดเจนถึงความไม่ลงรอยระหว่างกัน และคาดว่าการอภิปรายอย่างจริงจังในประเด็นมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมของสหรัฐ มีแนวโน้มที่จะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำของกลุ่ม G7 ในสัปดาห์ถัดไป ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ จะเข้าร่วมหารือที่รัฐควิเบกของแคนาดาด้วย
ทั้งนี้ สหรัฐได้ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และภาษีนำเข้าอลูมิเนียมในอัตรา 10% จากประเทศแคนาดา, เม็กซิโก และ สหภาพยุโรป (EU) โดยให้เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา