ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกัน 2 วันทำการเมื่อคืนนี้ (4 มิ.ย.) โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึงหุ้นแอปเปิลที่ได้รับแรงซื้อส่งเข้าหนุนอย่างคึกคัก หลังจากบริษัทประกาศเปิดตัวระบบปฏิบัติการ iOS 12 ในงานประชุมผู้พัฒนาทั่วโลก (WWDC) ซึ่งแอปเปิลได้จัดขึ้นเมื่อวานนี้ นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับปัจจัยบวกจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาดในเดือนพ.ค.
-- บริษัทแอปเปิล อิงค์ ประกาศเปิดตัวระบบปฏิบัติการ iOS 12 ซึ่งมีลูกเล่นในการแก้ปัญหาเสพติดมือถือของผู้ใช้ iPhone ในระหว่างการประชุมผู้พัฒนาทั่วโลก (WWDC) ซึ่งแอปเปิลได้จัดขึ้นเมื่อวานนี้ ที่เมืองซานดิเอโกของสหรัฐ โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้นทำนิวไฮในระหว่างวัน ก่อนที่จะปิดตลาดปรับตัวขึ้น 0.8% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้
ที่ผ่านมา การประชุม WWDC มักเป็นปัจจัยผลักดันราคาหุ้นแอปเปิล โดยสามารถดึงดูดนักพัฒนาซอฟต์แวร์จากทั่วโลกเพื่อฟังผู้บริหารแอปเปิลเปิดเผยเครื่องมือใหม่ๆ รวมทั้งระบบปฏิบัติการใหม่ โดยในปีนี้มีการเปิดตัว iOS 12 ซึ่งมีลูกเล่นในการแก้ปัญหาเสพติดมือถือของผู้ใช้ iPhone
-- ทำเนียบขาวของสหรัฐเปิดเผยว่า การประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ จะเริ่มขึ้นในเวลา 09.00 น.ตามเวลาสิงคโปร์ ในวันที่ 12 มิ.ย.นี้
ทางด้านนางซาราห์ ฮัคคาบี แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาวระบุว่า สหรัฐจะยังคงเดินหน้าการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือในระดับสูงสุด จนกว่าเกาหลีเหนือจะยอมยุติโครงการอาวุธนิวเคลียร์
-- นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น จะเดินทางไปยังทำเนียบขาวในวันพฤหัสบดีนี้เพื่อเข้าพบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยทั้งสองฝ่ายจะหารือในประเด็นเกาหลีเหนือ ก่อนที่ปธน.ทรัมป์จะเดินทางไปยังสิงคโปร์เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือในวันที่ 12 มิ.ย.
หลายฝ่ายคาดการณ์ว่านายอาเบะจะเรียกร้องให้ปธน.ทรัมป์ปฏิเสธคำยืนยันจากเกาหลีเหนือที่ว่าประเด็นการลักพาตัวชาวญี่ปุ่นในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ได้รับการแก้ไขแล้ว และมีความเป็นไปได้ที่จะขอให้ผู้นำสหรัฐแจ้งกับเกาหลีเหนือว่า ญี่ปุ่นจะพิจารณาฟื้นฟูความสัมพันธ์ และการประชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับเกาหลีเหนือ หากมีความคืบหน้าในประเด็นการลักพาตัวชาวญี่ปุ่น
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความระบุว่า ตนมีอำนาจเด็ดขาดในการให้อภัยโทษต่อตัวเอง แต่เขาก็ไม่มีสาเหตุที่จะใช้อำนาจนี้ เนื่องจากเขาไม่ได้ทำอะไรผิด โดยท่าทีดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่นายโรเบิร์ต มูลเลอร์ อัยการพิเศษ เข้าสืบสวนกรณีรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2559 และสอบสวนหาความสัมพันธ์ระหว่างทีมหาเสียงของปธน.ทรัมป์และรัสเซีย รวมทั้งการที่ปธน.ทรัมป์อาจแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมในการสอบสวนคดีดังกล่าว
อย่างไรก็ดี กระทรวงยุติธรรมสหรัฐเคยออกบันทึกในปี 2517 ระบุว่า ประธานาธิบดีสหรัฐไม่มีอำนาจในการอภัยโทษตัวเอง และที่ผ่านมา ยังไม่มีประธานาธิบดีสหรัฐรายใดที่ใช้อำนาจในการให้อภัยโทษตนเอง
-- นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ลงนามในร่างกฎหมายตอบโต้การคว่ำบาตรแล้ว เพื่อรับมือกับมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐที่มีขึ้นในเดือนเม.ย.โดยกฎหมายดังกล่าวให้อำนาจประธานาธิบดีรัสเซียในการตัดความสัมพันธ์ทางการทูต และห้ามการทำการค้ากับประเทศที่ให้ความร่วมมือกับมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ขณะเดียวกัน รัฐสภารัสเซียกำลังพิจารณาออกกฎหมายอีกฉบับหนึ่งซึ่งจะทำให้มีการลงโทษจำคุกชาวรัสเซียที่ให้ความร่วมมือกับมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ
-- สำนักข่าว RIA ของรัสเซียรายงานว่า นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้เชิญนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เดินทางเยือนเมืองวลาดิวอสต็อกในช่วงเดือนก.ย.นี้เพื่อเข้าร่วมการประชุมเศรษฐกิจประจำภูมิภาค
ทั้งนี้ นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย ได้นำจดหมายของปธน.ปูตินมอบให้แก่นายคิม ในระหว่างที่เขาเดินทางเยือนเกาหลีเหนือในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งจดหมายดังกล่าวได้เชิญนายคิมเข้าร่วมการประชุมเศรษฐกิจตะวันออกที่จะจัดขึ้นที่เมืองวลาดิวอสต็อกในวันที่ 11-13 ก.ย.
-- ยอดผู้เสียชีวิตจากการปะทุอย่างรุนแรงของภูเขาไฟวัลแคน เดอ ฟูโก ในกัวเตมาลา เพิ่มขึ้นเป็น 62 คน และมีผู้บาดเจ็บกว่า 50 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่กังวลว่า จำนวนผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากยังคงมีผู้ที่สูญหายอีกเป็นจำนวนมาก
รัฐบาลกัวเตมาลาระบุว่า การปะทุของภูเขาไฟได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนกว่า 1.7 ล้านคน ซึ่งรวมถึงประชาชนที่ต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัยจำนวนกว่า 3,300 คน ทางด้านนายจิมมี โมลาเรส ประธานาธิบดีกัวเตมาลา ได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน พร้อมกับเรียกร้องให้ประชาชนปฏิบัติตามคำเตือนของเจ้าหน้าที่
-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐลดลง 0.8% ในเดือนเม.ย. หลังจากดีดตัวขึ้น 1.7% ในเดือนมี.ค. โดยยอดสั่งซื้อที่ปรับตัวลงได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของคำสั่งซื้อเครื่องบิน เมื่อเทียบรายปี ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานพุ่งขึ้น 8.3% ในเดือนเม.ย.
ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าทุนพื้นฐาน ที่ไม่รวมหมวดอาวุธและเครื่องบิน เพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือนเม.ย. โดยยอดสั่งซื้อดังกล่าวได้รับการจับตาว่าเป็นมาตรวัดความเชื่อมั่น และแผนการใช้จ่ายในภาคธุรกิจ
-- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในวันนี้ โดยเกาหลีใต้จะเปิดเผยทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนพ.ค., ไฉซินจะเปิดเผยผลสำรวจดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนพ.ค.ของจีน และธนาคารกลางออสเตรเลียประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ขณะที่มาร์กิตจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนพ.ค.ของฝรั่งเศส เยอรมนี อียู อังกฤษ และสหรัฐ
ส่วนในวันพรุ่งนี้ ออสเตรเลียจะเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2561 ด้านสหรัฐเตรียมเปิดเผยยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนเม.ย. และผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 1/2561 รวมถึงสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)