นางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้แถลงเตือนในวันนี้ว่า นโยบายเรียกเก็บภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ จะส่งผลกระทบต่อระบบการค้าโลก รวมถึงทำลายเศรษฐกิจของสหรัฐ และเป็นเหตุให้นานาประเทศออกนโยบายโต้กลับ
นางลาการ์ดกล่าวว่า นโยบายภาษีของสหรัฐจะทำลายเศรษฐกิจในวงกว้าง เนื่องจากนโยบายดังกล่าวได้กระตุ้นให้ประเทศคู่ค้ายักษ์ใหญ่อย่างแคนาดาและเยอรมันออกมาตรการโต้กลับสหรัฐ
นอกจากนี้ IMF ยังมีมุมมองที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐในช่วงการนำของรัฐบาลปธน.ทรัมป์อาจขยายตัวไม่ได้ดีเท่าที่ควร
รายงานของ IMF ระบุว่า แม้เศรษฐกิจของสหรัฐมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งในปีนี้และปีหน้า แต่นโยบายการค้าของปธน.ทรัมป์อาจสร้างความเสี่ยงให้เศรษฐกิจตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ นางลาการ์ดกล่าวว่า มาตราการการค้าของปธน.ทรัมป์จะทำให้ระบบการค้าโลกไม่เปิดกว้างและไม่มีความเป็นธรรมอย่างที่ควรจะเป็น อีกทั้งยังทำลายเศรษฐกิจสหรัฐและประเทศคู่ค้าอีกด้วย
สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดนั้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้อนุมัติมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีก 25% วงเงินรวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อตอบโต้จีนที่ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทสหรัฐ
คณะทำงานของปธน.ทรัมป์จะเปิดเผยรายชื่อสินค้าจีนที่จะถูกปรับขึ้นการเก็บภาษีนำเข้า ในวันนี้ โดยคาดว่าจะมีสินค้าประมาณ 800-900 รายการที่อยู่ในรายชื่อ
การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ปธน.ทรัมป์ได้ประชุมหารือกับที่ปรึกษาทางการค้าของทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ และมีขึ้นไม่นานหลังจากทำเนียบขาวได้ออกแถลงการณ์ว่า รัฐบาลสหรัฐจะยังคงเดินหน้าใช้มาตรการปกป้องเทคโนโลยี และทรัพย์สินทางปัญญาจากพฤติกรรมทางการค้าที่ไม่เหมาะสมของจีน โดยระบุว่าในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ สหรัฐจะเปิดเผยรายชื่อสินค้าจีนวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ที่จะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25%