นายกาเบรียล คาซิลลาส นักเศรษฐศาสตร์ประจำสถาบันผู้บริหารการเงินเม็กซิโก (IMEF) ได้แสดงความเห็นว่า การที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีสินค้าที่นำเข้าจากประเทศคู่ค้า อาจก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อภายในสหรัฐ และจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่
"ความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์การเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบันกำลังลุกลามและส่งผลกระทบอย่างรวดเร็วต่อเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐ ซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก จริงอยู่ที่ว่าความขัดแย้งมักเกิดขึ้นตลอดเวลาบนโลก แต่ผลกระทบที่เกิดจากความขัดแย้งในปัจจุบันนี้ กำลังลุกลามจนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน" นายคาซิลลาสกล่าว
นายคาซิลลาสยังกล่าวด้วยว่า การที่รัฐบาลสหรัฐตัดสินใจออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากประเทศต่างๆนั้น จะส่งผลให้ราคาสินค้าบางประเภทปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นเหตุให้อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐดีดตัวขึ้นด้วย โดยหากอัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงกว่าระดับการคาดการณ์ ก็จะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.75-2.00% ในการประชุมเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. นอกจากนี้ เฟดยังได้ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยคาดว่าจะปรับขึ้นในเดือนก.ย. และธ.ค. ซึ่งจะส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 4 ครั้งในปีนี้