มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ คาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมยานยนต์จะได้รับผลกระทบในวงกว้าง หากสหรัฐมีการเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จริง เนื่องจากการเก็บภาษีนำเข้าจะก่อให้เกิดอุปสรรคในแง่ของห่วงโซ่อุปทาน
รายงานดังกล่าวระบุว่า การเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จะเป็นผลเสียต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในทุกภาคส่วน ทั้งบริษัทผู้ผลิตยานยนต์ ซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนยานยนต์ ตัวแทนจำหน่าย และบริษัทขนส่ง
มูดี้ส์ ยกตัวอย่างว่า ในกรณีของผู้ผลิตรถยนต์นั้น หากมีการเก็บภาษีนำเข้าแล้ว บริษัทเหล่านี้อาจเลือกที่จะยอมขาดทุนเพื่อรักษายอดขาย หรือไม่ก็ขึ้นราคาขายเพื่อผลักภาระไปให้ผู้ซื้อ ซึ่งจะกระทบต่อยอดขายอีกต่อหนึ่ง โดยค่ายรถยนต์สหรัฐจะได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่เช่นจีเอ็มและฟอร์ดนั้นอาศัยการนำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา
ทั้งนี้ เมื่อเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้สั่งการให้นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ พิจารณาแผนการตรวจสอบเพื่อประเมินว่า รถยนต์และรถบรรทุกที่นำเข้าจากต่างประเทศนั้นเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติหรือไม่ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้สร้างความวิตกกังวลให้กับประเทศผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อย่างญี่ปุ่น และยุโรป ว่าจะส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ของตนเอง
ด้านตัวแทนจากอุตสาหกรรมยานยนต์บางส่วนได้ออกมาแสดงความวิตกว่า มาตรการดังกล่าวอาจทำให้ราคารถยนต์และรถบรรทุกในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น และท้ายที่สุดจะทำให้ศักยภาพด้านการแข่งขันในอุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐ ลดน้อยลง และชาวอเมริกันมีตัวเลือกลดลงตามไปด้วย
ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตข้อความขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีจากรถยนต์ที่นำเข้าจากสหภาพยุโรป (EU) หาก EU ไม่ยกเลิกการเรียกเก็บภาษีต่อรถยนต์สหรัฐ
"จากการที่สหภาพยุโรปได้เรียกเก็บภาษี และตั้งกำแพงการค้าต่อบริษัทของสหรัฐ หากสหภาพยุโรปยังไม่ยกเลิกการเรียกเก็บภาษี และกำแพงการค้า เราก็จะเรียกเก็บภาษี 20% ต่อรถยนต์ทั้งหมดที่นำเข้าจากสหภาพยุโรป" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
อย่างไรก็ดี การเรียกเก็บภาษีนำเข้า 20% ถือว่าต่ำกว่าที่ปธน.ทรัมป์เคยขู่ก่อนหน้านี้ว่าจะเรียกเก็บภาษีสูงถึง 25%