เจเนอรัล มอเตอร์ (GM) ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ออกมาเตือนว่า การเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ อาจทำให้การจ้างงานของสหรัฐตกอยู่ในความเสี่ยง
GM แจ้งกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐว่า มาตรการภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้บริษัทกังวลว่าอาจจะต้องมีการปรับขนาดให้เล็กลงเพื่อลดความเสี่ยง และไม่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น
GM กล่าวว่า การเก็บภาษีนำเข้าอาจทำให้รถยนต์มีราคาแพงขึ้นและยอดขายลดลง หรือต่อให้ผู้ผลิตไม่ขึ้นราคาขาย แต่ยังไงพวกเขาก็อาจต้องลดการลงทุน, ลดการจ้างงาน และลดค่าแรงที่จ่ายให้กับพนักงานลง
อย่างไรก็ดี GM เป็นบริษัทรายใหญ่ในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของสหรัฐแห่งที่ 2 ในสัปดาห์นี้ ที่ออกมาเตือนถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากนโยบายเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ฮาร์เลย์-เดวิดสัน อิงค์ ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์รายใหญ่ของสหรัฐ ได้ประกาศว่าจะย้ายฐานการผลิตรถจักรยนต์ไปยุโรปเพื่อลดความเสี่ยงจากผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการตอบโต้การเรียกเก็บภาษีของสหรัฐ
ฮาร์เลย์-เดวิดสัน คาดว่า มาตราการภาษีของ EU จะทำให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 90-100 ล้านดอลลาร์ต่อปี
ทั้งนี้ EU ได้ประกาศเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้าจากสหรัฐ ซึ่งรวมถึงมอเตอร์ไซค์ เพื่อตอบโต้มาตรการของสหรัฐในการจัดเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมจาก EU
ขณะที่เมื่อเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้สั่งการให้นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ พิจารณาแผนการตรวจสอบเพื่อประเมินว่า รถยนต์และรถบรรทุกที่นำเข้าจากต่างประเทศนั้นเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติหรือไม่ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้สร้างความวิตกกังวลให้กับประเทศผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อย่างญี่ปุ่น และยุโรป ว่าจะส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ของตนเอง
ต่อมา ทรัมป์ ก็ได้ทวีตข้อความขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีจากรถยนต์ที่นำเข้าจากสหภาพยุโรป (EU) หาก EU ไม่ยกเลิกการเรียกเก็บภาษีต่อรถยนต์สหรัฐ
"จากการที่สหภาพยุโรปได้เรียกเก็บภาษี และตั้งกำแพงการค้าต่อบริษัทของสหรัฐ หากสหภาพยุโรปยังไม่ยกเลิกการเรียกเก็บภาษี และกำแพงการค้า เราก็จะเรียกเก็บภาษี 20% ต่อรถยนต์ทั้งหมดที่นำเข้าจากสหภาพยุโรป" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
GM ระบุว่า "การลดการลงทุนและปรับขนาดโรงงานให้เล็กลงจะทำการพัฒนาเทคโนโลยีชะลอตัวลง"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า GM มีโรงงานอยู่ 47 แห่งทั่วสหรัฐ และมีการจ้างงานกว่า 110,000 ตำแหน่งในประเทศ อีกทั้งยังเป็นผู้สั่งซื้อวัสดุจากซัพพลายเออร์ในสหรัฐคิดเป็นมูลค่ารวมแล้วหลายหมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี โดยบริษัทได้ลงทุนในโรงงานผลิตที่สหรัฐไปกว่า 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อปี 2009