แคนาดาได้เริ่มเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐเป็นวงเงิน 1.26 หมื่นล้านดอลลาร์แล้ววันนี้ เพื่อตอบโต้ต่อการที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมที่นำเข้าจากแคนาดา
ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีเหล็กที่ 25% และอลูมิเนียมที่ 10% กับประเทศคู่ค้าอย่างแคนาดา เม็กซิโก และสหภาพยุโรป โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิ.ย.
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอบโต้มาตรการของปธน.ทรัมป์ แคนาดาจึงได้เรียกเก็บภาษีเหล็กสหรัฐที่ระดับ 25% รวมถึงสินค้าอื่นๆอีก 250 รายการ อาทิ เมเปิ้ลไซรัป น้ำยาล้านจาน เมล็ดกาแฟ และแยมสตรอเบอรีที่ระดับ 10%
เมื่อช่วงต้นเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหลังการประชุม G7 ว่า ตนรู้สึกว่าการที่รัฐบาลสหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากแคนาดานั้นเป็นการเหยียดหยาม และตนจะไม่ยอมถูกรังแก ขณะที่ปธน.ทรัมป์ ตอบโต้ผ่านทางทวิตเตอร์ว่า ถ้อยแถลงของนายทรูโดนั้น "หลอกลวงและเหลาะแหละ"
ขณะเดียวกัน กลุ่มตัวแทนจากอุตสาหกรรมต่างๆของแคนาดา ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมเหล็ก ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ และสหภาพแรงงานอุตสาหกรรมเหล็ก ได้แสดงความกังวลว่า นโยบายเรียกเก็บภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจส่งผลให้แคนาดาเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ทั้งนี้ กลุ่มตัวแทนภาคอุตสาหกรรมเปิดเผยต่อคณะกรรมาธิการว่า แคนาดาจำเป็นต้องโต้กลับด้วยการเรียกเก็บภาษี พร้อมระบุว่าแคนาดากำลังตกอยู่ในสถาณการณ์ที่คาดไม่ถึงมาก่อน ซึ่งจำต้องโต้ตอบด้วยสิ่งที่คาดไม่ถึงเช่นกัน โดยนายเคน นอยมันน์ ประธานสหภาพแรงงานอุตสาหกรรมเหล็กแคนาดา แสดงความเห็นว่า นโยบายเรียกเก็บภาษีของแคนาดาน่าจะมีผลบังคับใช้วันเดียวกันกับนโยบายเรียกเก็บภาษีของสหรัฐ