หอการค้าสหรัฐได้ออกรายงานเตือนว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ จะจุดชนวนสงครามการค้าโลก เนื่องจากในขณะนี้มีหลายประเทศที่ออกมาประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าของสหรัฐรวมมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
ผลการศึกษาของหอการค้าสหรัฐระบุว่า "การเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าประเภทเหล็ก อลูมิเนียม และสินค้าจากจีน รวมถึงการพิจารณาเรียกเก็บภาษีรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ ล้วนเป็นการกระตุ้นให้เกิดสงครามการค้าโลก"
"แคนาดา เม็กซิโก สหภาพยุโรป และจีนได้ดำเนินมาตรการตอบโต้หรือประกาศแผนตอบโต้สหรัฐ ด้วยการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์" หอการค้าสหรัฐระบุ และยังกล่าวด้วยว่า ในสัปดาห์นี้ ต่างชาติจะเก็บภาษีนำเข้าต่อสหรัฐเป็นมูลค่ากว่า 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์
นายโทมัส เจ โดโนฮิว ประธานและซีอีโอของหอการค้าสหรัฐกล่าวในแถลงการณ์ว่า "ภาษีศุลกากรคือภาษีที่ทำให้ทุกคนต้องรับภาระจากราคาสินค้าที่สูงขึ้น และภาษีที่ก่อให้เกิดการเรียกเก็บภาษีต่อไปเป็นลูกโซ่นั้นจะทำให้เกิดสงครามการค้าโลก ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้กับอัตราการจ้างงานและการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐ"
นายโดโนฮิวยังกล่าวด้วยงาส "สิ่งที่รัฐบาลสหรัฐกำลังทำ คือการขู่ที่จะทำลายความก้าวหน้าของเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งที่พวกเขาพยายามอย่างหนักที่จะสร้างมันขึ้นมา" พร้อมระบุว่า นี่คือเวลาที่จะใช้มาตรการที่ "ชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพ" เพื่อแก้ปัญหาทางการค้าร่วมกับประเทศพันธมิตร
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สมาพันธ์ธุรกิจของสหรัฐเกือบ 60 กลุ่ม ซึ่งรวมถึงสภาการค้าสากลแห่งชาติ ได้เรียกร้องให้สภาคองเกรสใช้อำนาจควบคุมดูแลมาตรการภาษีของปธน.ทรัมป์และนโยบายการค้าอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม Axios ซึ่งเป็นเว็บไซต์ข่าวในสหรัฐ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ร่างกฎหมายใหม่ซึ่งจะทำให้รัฐบาลสามารถเพิ่มอัตราภาษีต่อสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ โดยไม่ต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรส