นายสตีเฟน ฟิลิปส์ อธิบดีกรมส่งเสริมการลงทุนแห่งเขตบริหารพิเศษฮ่องกง (HKSAR) เปิดเผยว่า ขณะนี้ฮ่องกงกำลังเผชิญกับโอกาสทางธุรกิจอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อันเป็นผลมาจากโครงการเส้นทางสายไหมและความร่วมมือเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า ซึ่งทำให้ขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด สำหรับนักลงทุนต่างชาติในการเข้ามาลงทุนที่ฮ่องกง
นายฟิลิปส์ กล่าวขณะเตรียมเดินทางเยือนญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ว่า "ขณะนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับนักลงทุนต่างชาติ ในการรุกและใช้ข้อได้เปรียบของฮ่องกง เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจอันเป็นผลจากโอกาสอันมหาศาลเหล่านี้"
นายฟิลิปส์ เปิดเผยว่า โครงการเส้นทางสายไหมเปิดโอกาสในการเชื่อมโยงระดับข้ามชาติและข้ามทวีปในระยะยาว ทั้งยังก่อให้เกิดโอกาสทางธุรกิจอันเอื้ออำนวย ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางใหม่ๆทางอากาศ ทะเล และพื้นดิน ตลอดจนท่าเรือ รางรถไฟ และถนนใหม่ที่เชื่อมต่อระหว่างภูมิภาค ไปจนถึงข้อตกลงทางเศรษฐกิจและการค้า และกระแสการลงทุนที่เพิ่มขึ้น พร้อมเสริมว่า โครงการเขตอ่าวข้างต้นนี้จะทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญเพื่อรองรับโครงการเส้นทางสายไหม
นายฟิลิปส์ กล่าวว่า การที่ฮ่องกงมีข้อได้เปรียบจากการบริหารแบบ "หนึ่งประเทศ สองระบบ" นั้น จะช่วยเชื่อมโยงประเทศสู่พื้นที่ส่วนอื่นๆของโลก พร้อมพลิกโฉมเขตอ่าวให้กลายเป็นศูนย์กลางทางนวัตกรรมและเทคโนโลยีระดับโลก
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายสตีเฟน ฟิลิปส์ มีกำหนดการขึ้นกล่าวในงานสัมมนา 2 แห่งเกี่ยวกับบทบาทของฮ่องกงในโครงการเขตอ่าว ที่กรุงโตเกียวของญี่ปุ่นและกรุงโซลของเกาหลีใต้ ตามลำดับ นอกจากนี้ นายฟิลิปส์ยังมีกำหนดการพบปะกับกลุ่มผู้นำธุรกิจในท้องถิ่นจากภาคส่วนต่างๆ เพื่อ "แจ้งให้ประชาคมธุรกิจท้องถิ่นทราบเกี่ยวกับโอกาสลงทุนในฮ่องกงอันเป็นผลจากโครงการเขตอ่าวนี้"