ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานของสหรัฐเปิดเผยว่า การเพิ่มมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าระหว่างประเทศอาจส่งผลกระทบด้านลบต่ออุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซทั่วโลก ตลอดจนเศรษฐกิจโลกโดยรวม
แอนนา มิกุลสกา ผู้ศึกษาวิจัยประเด็นพลังงานจากสถาบันเบเกอร์ เปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัวว่า เธอเป็นกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนว่า จะชะลอการลงทุนและเพิ่มต้นทุนในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซของสหรัฐ
ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐได้บังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าของจีนในอัตรา 25% วงเงิน 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้จีนดำเนินมาตรการตอบโต้ในทันที
นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐยังเล็งที่จะบังคับใช้มาตรการทางการค้าดังกล่าวกับประเทศต่างๆ รวมถึงสหภาพยุโรปหรืออียูด้วย
ผู้เชี่ยวชาญคนดังกล่าวเตือนว่า หากอีกหลายประเทศเริ่มบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อผลิตภัณฑ์น้ำมันและก๊าซของสหรัฐ อาจส่งผลทำให้ปัญหาทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น นอกจากนี้สงครามการค้าที่อาจเกิดขึ้นอันเป็นผลมาจากการเพิ่มมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้านั้น อาจจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว และหากเศรษฐกิจชะลอตัวลง จะก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันและก๊าซที่จะเพียงพอต่อการบริโภค ขณะเดียวกันจากผลการศึกษายังพบว่า หากเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเศรษฐกิจในเอเชียซบเซา การผลิตน้ำมันและก๊าซของสหรัฐเองก็จะชะลอตัวลง เนื่องจากความต้องการในตลาดลดลง
นอกจากนี้ยังทิ้งท้ายว่า การบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีแต่เพียงฝ่ายเดียวไม่ส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการเข้าถึงสินค้า ต้นทุนผู้บริโภคที่สูงขึ้น และอาจทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงทั้งสองฝ่าย