กาเบรียล คอลลินส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการกำกับดูแลกิจการพลังงานและสิ่งแวดล้อมจากศูนย์การศึกษาด้านพลังงานของสถาบันเบเกอร์ และนักวิจัยด้านนโยบายสาธารณะจากหน่วยงานวิจัยที่เป็นกลางทางการเมืองซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองฮูสตัน ทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกาแสดงความเห็นถึงข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ โดยระบุว่า ผู้บริโภคจะฝ่ายได้รับผลกระทบมากที่สุดเมื่อมีการปรับขึ้นภาษี
คอลลินส์เปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัวว่า "ผมคิดว่าผู้ที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือผู้บริโภค หากสุดท้ายแล้วมีการเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นจริง เพราะในที่สุดพวกเขาจะต้องเป็นผู้จ่ายค่าสินค้าที่มีราคาแพงขึ้น"
คอลลินส์อธิบายว่า "เมื่อมีการปรับขึ้นภาษี บริษัทจะไม่มีตัวเลือกอื่นใดนอกจากโยนภาระค่าใช้จ่ายไปให้ผู้บริโภคปลายทาง ซึ่งนี่จะเป็นพื้นฐานที่นำไปสู่การทำลายการพัฒนาทางธุรกิจ"
เขาระบุว่า "ภาระทางภาษีต้องอยู่ที่ไหนซักที่ ดังนั้นคำถามก็คือบริษัทจะแบกรับมันไว้หรือโยนไปให้ผู้บริโภค หากเป็นไปตามอย่างหลัง นั่นเท่ากับว่าคุณกำลังทำลายมูลค่าทางธุรกิจอยู่ และนี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นแต่อย่างใด"
อย่างไรก็ดี คอลลินส์ได้กล่าวถึงความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐว่า นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่มองว่าการขาดดุลการค้าเป็นสิ่งสะท้อนถึงความได้เปรียบที่ฝ่ายหนึ่งมีต่ออีกฝ่ายหนึ่ง พร้อมเตือนว่าการขึ้นภาษีไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีในการแก้ปัญหาการขาดดุลการค้าและไม่เคยได้รับการยอมรับมาโดยตลอด