ตลาดการเงินเริ่มกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอีกครั้ง หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้าทุกประเภทที่นำเข้าจากจีน หากมีความจำเป็น
ในการให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าว CNBC ที่มีการแพร่ภาพเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า "ผมพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจากจีนในวงเงินสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์"
ทั้งนี้ วงเงิน 5 แสนล้านดอลลาร์ดังกล่าวเทียบเท่ากับวงเงินสินค้าจีนที่สหรัฐนำเข้าในปีที่แล้ว ซึ่งมีมูลค่า 5.055 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่สหรัฐส่งออกสินค้าไปยังจีนคิดเป็นมูลค่าเพียง 1.299 แสนล้านดอลลาร์
-- ที่ประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางกลุ่ม G20 ได้ออกแถลงการณ์เตือนว่า สงครามการค้าและความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลก พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกฝ่ายแก้ไขปัญหาดังกล่าวผ่านการเจรจาและดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม
รัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางกลุ่ม G20 ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมระยะเวลา 2 วันที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินาเมื่อวานนี้ว่า ที่ประชุมได้เห็นพ้องกันว่า การค้าและการลงทุนระหว่างประเทศถือเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญต่อเศรษฐกิจ โดยเศรษฐกิจทั่วโลกยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่อัตราว่างงานอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี แต่เมื่อไม่นานมานี้เศรษฐกิจโลกขยายตัวอย่างไม่สอดคล้องกัน และความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเผชิญภาวะขาลงในระยะสั้นและระยะกลางนั้นมีมากขึ้น
"ความเสี่ยงดังกล่าวนั้น รวมถึงภาวะเปราะบางด้านการเงิน ความตึงเครียดด้านการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ ภาวะไร้ดุลภาพที่เกิดขึ้นทั่วโลก และการเติบโตที่อ่อนแรงลงเมื่อพิจารณาทั้งในแง่ของความไม่เท่าเทียมกันและเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วบางประเทศ" แถลงการณ์ประชุม G20 ระบุ
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวในการให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าว CNBC เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ตลาดหุ้นได้พุ่งขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่ที่เขาชนะการเลือกตั้ง และสิ่งนี้ทำให้เขามีโอกาสในการทำสงครามการค้าต่อจีนและประเทศต่างๆ
ทั้งนี้ ดัชนี S&P 500 ทะยานขึ้น 31% นับตั้งแต่ที่ปธน.ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในวันที่ 8 พ.ย.2559 ถึงแม้ตลาดได้ชะลอตัวลงในปีนี้ จากการที่รัฐบาลสหรัฐเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากประเทศคู่ค้า โดยดัชนี S&P 500 บวกขึ้นเพียง 4.9% ในปีนี้
ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า ตลาดหุ้นจะทะยานขึ้นมากกว่านี้ หากเขาไม่ได้เปิดประเด็นการค้ากับจีน และประเทศอื่นๆ
"ถ้าผมไม่ได้เรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากประเทศคู่ค้า ตลาดหุ้นก็คงจะพุ่งขึ้นมากกว่านี้ โดยอาจดีดตัวขึ้น 80% นับตั้งแต่การเลือกตั้ง" ปธน.ทรัมป์กล่าว
-- นายสตีเฟน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่าจะไม่เกิดสงครามค่าเงิน แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทวีตข้อความวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งกล่าวหาว่าจีน และสหภาพยุโรป (EU) ปั่นค่าเงิน
นายมนูชินเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเมื่อวานนี้ว่า นักลงทุนไม่ต้องวิตกกังวลเกี่ยวกับโอกาสการเกิดสงครามการเงิน เนื่องจากสงครามดังกล่าว "จะไม่เกิดขึ้น" โดยความเคลื่อนไหวของนายมนูชินมีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ทวีตข้อความโจมตีเฟดอีกครั้งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า "สหรัฐไม่ควรถูกทำโทษเพราะเศรษฐกิจกำลังไปได้ดี การขึ้นดอกเบี้ยในขณะนี้จะส่งผลกระทบต่อสิ่งที่เราได้ทำ สหรัฐควรได้รับโอกาสในการรับสิ่งที่สูญเสียไปจากการที่ประเทศอื่นปั่นค่าเงิน และทำข้อตกลงที่เอาเปรียบสหรัฐ" ข้อความในทวีตเตอร์ระบุ
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังได้กล่าวโจมตีจีนและยุโรปว่าทำการปั่นค่าเงินเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และตำหนิว่าการที่สกุลเงินดอลลาร์เงินค่าขึ้นนั้น ทำให้สหรัฐสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก
-- บริษัทไมโครซอฟท์ อิงค์ เปิดเผยผลประกอบการที่ดีกว่าคาดในไตรมาสที่สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. ซึ่งเป็นไตรมาสที่ 4 ในปีงบดุลบัญชีของบริษัท
ทั้งนี้ ไมโครซอฟท์ระบุว่ามีกำไร 1.13 ดอลลาร์/หุ้น โดยสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.08 ดอลลาร์/หุ้น
นอกจากนี้ บริษัทรายงานรายได้ที่ระดับ 3.009 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.921 หมื่นล้านดอลลาร์
-- ผลสำรวจของสำนักข่าวเกียวโดเผยให้เห็นว่า คะแนนนิยมรัฐบาลญี่ปุ่นภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ปรับตัวลดลงแตะ 43.4% ขยับลงเล็กน้อยจากการสำรวจเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศผ่านทางโทรศัพท์ซึ่งได้ดำเนินการในวันเสาร์และวันอาทิตย์พบว่า ผู้ตอบรับการสำรวจ 64.8% ไม่เห็นด้วยกับการผ่านร่างกฎหมายอนุญาตให้เปิดคาสิโนรีสอร์ทในประเทศ ท่ามกลางความวิตกกังวลจากภาคประชาชนว่าจะเป็นการส่งเสริมให้ผู้คนติดการพนันกันมากขึ้น
นอกจากนี้ 62.2% ของผู้ตอบรับการสำรวจยังไม่พอใจการตอบสนองของรัฐบาลนายอาเบะต่อเหตุการณ์อุทกภัยในภาคตะวันตกเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาซึ่งได้คร่าชีวิตประชาชนไปกว่า 220 ราย
-- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยยูโรสแตทจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.ของยูโรโซน ขณะที่สหรัฐจะเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย.
ส่วนในวันพรุ่งนี้ มาร์กิตจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก.ค.และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.ค.ของหลายประเทศ ซึ่งรวมถึง ฝรั่งเศส เยอรมนี และยูโรโซน ขณะที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ค.