ตัวแทนจากผู้ผลิตรถยนต์ ดีลเลอร์ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และนานาชาติ ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การตรวจสอบการนำเข้ารถยนต์ของสหรัฐอย่างหนัก พร้อมกับเตือนว่า การกระทำของรัฐบาลจะส่งผลกระทบต่อลูกค้าชาวสหรัฐเสียเอง อีกทั้งยังบ่อนทำลายอุตสาหกรรมยานยนต์สหรัฐ และทำให้ผู้คนนับแสนต้องตกงาน
เจนนิเฟอร์ โธมัส รองประธานฝ่ายกิจการรัฐบาลกลางของสมาคมผู้ผลิตรถยนต์ดังกล่าว กล่าวในที่ประชุมประชาพิจารณ์ ณ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐว่า "ดิฉันมาที่นี่ในวันนี้ เพื่อแสดงจุดยืนของเราที่ไม่เห็นด้วยต่อการสืบสวนซึ่งไม่เคยมีมาก่อน รวมถึงความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะเรียกเก็บภาษีรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์นำเข้าเพิ่มเติม"
โธมัสได้กล่าวกับเจ้าหน้าที่จากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐซึ่งทำหน้าที่พิจารณาการจัดเก็บภาษีรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์นำเข้าว่า "การแสดงจุดยืนของเรานั้น เกิดจากการรวบรวมความคิดเห็นกว่า 2,200 ความคิดเห็นที่ส่งเข้ามาก่อนที่การทำประชาพิจารณ์นี้จะเกิดขึ้น โดยมีเพียง 3 องค์กรเท่านั้นที่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาล"
"มีหลายฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการสืบสวนครั้งนี้อย่างยิ่ง เพราะทุกคนต่างตระหนักดีถึงความเสียหายจากผลกระทบที่ตามมา โดยการเรียกเก็บภาษีที่สูงขึ้นนั้นจะส่งผลกระทบต่อชาวสหรัฐและแรงงานในอุตสาหกรรม รวมถึงเศรษฐกิจของสหรัฐเองด้วย" โธมัสกล่าว
เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้เริ่มทำการตรวจสอบภายใต้มาตราที่ 232 ว่าด้วยการรักษาความมั่นคงของชาติเกี่ยวกับการนำเข้ายานยนต์ โดยระบุว่า การนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศได้บ่อนทำลายอุตสาหกรรมของสหรัฐ
ทั้งนี้ ปัจจุบัน สหรัฐได้กำหนดอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์เอาไว้ที่ 2.5% และรถบรรทุก 25%
นายแมตต์ บลันท์ ประธานสภานโยบายยานยนต์อเมริกัน (AAPC) กล่าวว่า "ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอ" ที่บ่งชี้ว่าการนำเข้ายานยนต์จากต่างชาติจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของสหรัฐ และกฎเกณฑ์การนำเข้ายานยนต์นั้นก็สามารถปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับหลักความมั่นคงของชาติได้
นายบลันท์ ซึ่งเป็นตัวแทนฝ่ายผลประโยชน์ของผู้ผลิตรถยนต์ชาวสหรัฐจากนโยบายสาธารณะ ยังออกมากล่าวเตือนอีกด้วยว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จะนำไปสู่การเพิ่มต้นทุนค่าใช้จ่ายในการผลิต อีกทั้งยังลดอุปสงค์ยานยนต์ ซึ่งจะทำให้ยอดขายและการผลิตรถยนต์ในสหรัฐลดลงตามไปด้วย
"ผลการวิเคราะห์ของ AAPC เผยให้เห็นว่า การเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์เพิ่มเติมภายใต้มาตรา 232 รวมถึงการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมที่จากชาติพันธมิตรของเราในอเมริกาเหนือนั้น จะทำให้ชาวอเมริกันจำนวนมากตกงาน อีกทั้งยังส่งผลให้ลงทุนในทรัพย์สินประเภททุนและการส่งออกของภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ในสหรัฐ หดตัวลงด้วย" นายบลันท์กล่าว
ด้านนายปีเตอร์ เวลช์ ประธานสมาคมผู้แทนจำหน่ายรถยนต์แห่งชาติสหรัฐ (NADA) กล่าวว่า "การเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าที่ระดับ 25% จะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตยานยนต์ ดีลเลอร์ ลูกค้า และเศรษฐกิจโดยรวม"
ขณะที่ข้อมูลจากศูนย์วิจัยยานยนต์ (CAR) ระบุว่า ลูกค้าชาวอเมริกันจะต้องแบกรับภาระจากราคารถยนต์ที่จะเพิ่มสูงขึ้นราว 4,400 ดอลลาร์ หากรัฐบาลเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ที่ระดับ 25%
นอกจากนี้ ผลการวิจัยจากสถาบันปีเตอร์สันเพื่อเศรษฐกิจนานาชาติ (PIIE) ระบุว่า มาตรการดังกล่าวอาจส่งผลให้ชาวสหรัฐตกงานถึง 624,000 ตำแหน่ง ขณะที่แรงงานในอุตสาหกรรมยานยนต์ราว 5% ออกต้องถูกปลดออกจากงาน หากประเทศอื่นๆใช้มาตรการโต้ตอบในลักษณะเดียวกัน