รัฐบาลจีนประกาศว่าจะนำนโยบายการเงินและการคลังมาใช้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อสนับสนุนให้เกิดการขยายตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ รวมถึงการปรับโครงสร้าง และกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจที่แท้จริง
ที่ประชุมรัฐสภาจีนซึ่งมีนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ระบุว่า มาตรการต่างๆที่ได้กำหนดออกมาในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะมุ่งเน้นแก้ปัญหาด้านความขัดสนและการยกระดับชีวิตของผู้คนเป็นสำคัญ
นอกจากนี้ จีนจะยังคงดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาค และจะลดการพึ่งพาการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากเกินไป โดยรัฐบาลจะเดินหน้าบังคับใช้มาตรการอย่างเหมาะสมในช่วงเวลาที่จีนต้องเผชิญกับความผันผวนจากปัจจัยภายนอก เพื่อสร้างหลักประกันว่าเศรษฐกิจจะยังดำเนินต่อไปได้ด้วยดี
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมรัฐสภาจีนยังเห็นว่าที่จะดำเนินนโยบายการคลังที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยรัฐบาลจะมุ่งเน้นไปที่การปรับลดภาษีและค่าธรรมเนียมเป็นหลัก นอกจากนี้ ทางการจีนจะปรับลดภาษีให้กับบริษัทที่มีค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและการพัฒนา (R&D) วงเงินรวม 6.5 หมื่นล้านหยวน หรือประมาณ 9.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ นอกเหนือไปจากเป้าหมายแรกเริ่มที่ต้องการปรับลดภาษีลง 1.1 ล้านล้านหยวน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รัฐบาลจีนจะออกพันธบัตรพิเศษมูลค่า 1.35 ล้านล้านหยวน เพื่อช่วยระดมทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลท้องถิ่น