ราคาหุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้น 2.92% ปิดที่ 207.39 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่ทะยานขึ้นถึง 5.9% เมื่อวันพุธ ขานรับผลประกอบการแข็งแกร่ง โดยขณะนี้ราคาหุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้นราว 22% นับตั้งแต่ต้นปี และทะยานขึ้นมากกว่า 30% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
-- ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินเมื่อคืนนี้ ตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สดใส
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า นับจากนี้ไป BoE จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
-- กระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ ขู่ตอบโต้สหรัฐ หากสหรัฐเตรียมเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์
"จีนเตรียมพร้อม และจะตอบโต้เพื่อรักษาเกียรติภูมิของชาติ, ผลประโยชน์ของประชาชน และปกป้องการค้าเสรี, การซื้อขายแบบพหุภาคี รวมทั้งผลประโยชน์ร่วมกันของทุกประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา จีนได้เสนอแนะให้มีการแก้ไขความขัดแย้งโดยผ่านทางการเจรจาหารือ แต่อยู่บนเงื่อนไขที่ว่าเราต้องปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียมกัน และให้เกียรติต่อคำพูดของเรา" แถลงการณ์ระบุ
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้สั่งการให้นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) พิจารณาปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสู่ระดับ 25% จากเดิมในอัตรา 10% คิดเป็นวงเงินรวม 2 แสนล้านดอลลาร์ โดยครอบคลุมสินค้าจำนวน 6,031 รายการ ตั้งแต่สินค้าเพื่อผู้บริโภคไปจนถึงสินค้าด้านการเกษตร หลังจากสหรัฐและจีนไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาททางการค้า โดยมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมในครั้งนี้จะมีผลบังคับใช้ในเดือนก.ย.
-- ราคาหุ้นเทสลาพุ่งขึ้น 9% ในการซื้อขายเมื่อคืนนี้ หลังจากที่นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเทสลา ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ได้กล่าวคำขอโทษต่อนักวิเคราะห์ในการแสดงอาการที่ไม่เหมาะสมในการให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ นายมัสก์ยังได้คาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถมีกำไรในช่วงครึ่งปีหลัง
"ผมขอโทษที่แสดงอาการที่ไม่สุภาพในการให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ เนื่องจากผมทำงานหนักเกินไป และนอนน้อย" เขากล่าว
ทั้งนี้ ในการให้สัมภาษณ์ต่อนักวิเคราะห์ขณะที่เทสลาเปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 1 ในเดือนพ.ค. นายมัสก์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามจากนักวิเคราะห์ 2 ราย โดยอ้างว่าคำถามดังกล่าวน่าเบื่อ และโง่เง่า
-- บริษัทยัม แบรนด์ส อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของพิซซ่า ฮัท, เคนตั๊กกี ฟรายชิกเก้น (KFC) และทาโก เบล รายงานกำไรสูงกว่าคาดในไตรมาส 2
ทั้งนี้ ยัมเปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 82 เซนต์/หุ้น ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 74 เซนต์/หุ้น อย่างไรก็ดี บริษัทมีรายได้ลดลงสู่ระดับ 1.37 พันล้านดอลลาร์ แต่ก็สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
-- กรมอุตุนิยมวิทยาฝรั่งเศสขึ้นสัญญาณเตือนสีส้มต่อเขตต่างๆในประเทศจำนวน 66 เขต หลังจากที่ฝรั่งเศสเผชิญกับคลื่นความร้อนในระยะนี้ โดยจะคงระดับการเตือนดังกล่าวจนถึงบ่ายวันพรุ่งนี้
กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่าหลายเมืองจะเผชิญกับอากาศที่ร้อนเป็นประวัติการณ์จนถึงกลางสัปดาห์หน้า โดยทางใต้จะมีอุณหภูมิสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 1,000 ราย สู่ระดับ 218,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 220,000 ราย
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนมิ.ย. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนพ.ค. คำสั่งซื้อภาคโรงงานดังกล่าวได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อในภาคการขนส่ง, อุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมทั้งคอมพิวเตอร์
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่จะมีการรายงานในวันนี้ ไฉซินเตรียมรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.ค.ของจีนเวลา 08.45 น. ตามเวลาไทย
มาร์กิตมีกำหนดรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.ค.ของฝรั่งเศสเวลา 14.45 น. ของเยอรมนีเวลา 14.55 น. ของยูโรโซนเวลา 15.00 น. ของอังกฤษเวลา 15.30 น. และของสหรัฐเวลา 21.00 น.
ทางการสหรัฐมีกำหนดรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค. เวลา 19.30 น. โดยผลการสำรวจนักวิเคราะห์ระบุว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 190,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. หลังจากที่พุ่งขึ้น 213,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 3.9%
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) มีกำหนดรายงานดัชนีภาคบริการเดือนก.ค. เวลา 21.00 น.