ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนเมื่อวันศุกร์ (17 ส.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า การเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้ จะสามารถคลี่คลายข้อพิพาททางการค้า และจะปูทางไปสู่การจัดประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในเดือนพ.ย.นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,669.32 จุด เพิ่มขึ้น 110.59 จุด หรือ +0.43% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,816.33 จุด เพิ่มขึ้น 9.81 จุด หรือ +0.13% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,850.13 จุด เพิ่มขึ้น 9.44 จุด หรือ +0.33%
-- หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบด้านการเจรจาการค้าของสหรัฐและจีน กำลังเร่งวางกลยุทธ์เพื่อผลักดันให้ทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าได้ก่อนที่การประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะมีขึ้นในเดือนพ.ย. โดยแผนการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ทั้งสหรัฐและจีนต่างก็พยายามที่จะไม่ทำให้ข้อพิพาทางการค้าส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งตลาดการเงินทั่วโลกด้วย
วอลล์สตรีท เจอร์นัล ยังระบุด้วยว่า การเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีนจะจัดขึ้นในวันที่ 22-23 ส.ค.นี้ พร้อมระบุว่า การเจรจาในครั้งนี้ถือเป็นการเจรจาเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีของทั้งสองประเทศ ซึ่งจะมีขึ้นในเดือนพ.ย.นี้
-- สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของตุรกี ลง 1 ขั้น จากระดับ BB- สู่ระดับ B+ ซึ่งเป็นระดับ "ขยะ" โดยระบุถึงผลกระทบจากการร่วงลงอย่างหนักของค่าลีราของตุรกี และการคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจตุรกีจะหดตัวลงในปีหน้า นอกจากนี้ S&P ยังระบุว่า รัฐบาลตุรกีไม่สามารถจัดการกับวิกฤตค่าเงินของประเทศได้
อย่างไรก็ตาม S&P ยังคงแนวโน้มความน่าเชื่อถือของตุรกีเอาไว้ที่ระดับ "มีเสถียรภาพ"
ทางด้านมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของตุรกี ลงสู่ระดับ Ba3 จากระดับ Ba2 พร้อมกับเปลี่ยนแปลงแนวโน้มความน่าเชื่อถือของตุรกี เป็น "เชิงลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ"
มูดี้ส์ระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้ตุรกีถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือในครั้งนี้ มาจากความอ่อนแอของสถาบันต่างๆในภาครัฐ และการกำหนดนโยบายที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ นอกจากนี้ มูดี้ส์ยังระบุถึง ความไม่เป็นอิสระของธนาคารกลางตุรกี และการที่รัฐบาลไม่มีแผนการที่น่าเชื่อถือ ในการจัดการกับปัญหาด้านการเงินที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ เผยสหรัฐได้ยุติกองทุนเพื่อการพัฒนาแก่ซีเรียแล้ว พร้อมกับผลักดันให้ประเทศที่ร่ำรวยจ่ายเงินช่วยเหลือในส่วนนี้แทน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทรัมป์ได้ทวีตผ่านทางทวิตเตอร์เมื่อวานนี้ว่า สหรัฐได้ยกเลิกวงเงินอันน่าขบขัน 230 ล้านดอลลาร์ต่อปีเพื่อการพัฒนาแก่ซีเรียแล้ว ซาอุดิอาระเบียและประเทศที่ร่ำรวยอื่นๆในตะวันออกกลาง จะเริ่มจ่ายเงินส่วนนี้แทนสหรัฐ ผมต้องการที่จะพัฒนาสหรัฐ กองทัพของเรา และประเทศต่างๆที่ช่วยเหลือเรา!
-- เกาหลีเหนือยอมเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) เข้าทำการตรวจสอบพื้นที่ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเที่ยวบินระหว่างประเทศจะปลอดภัยจากการยิงขีปนาวุธ
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เจ้าหน้าที่ของสหประชาชาติในเมืองมอนทรีออล กล่าวว่า ICAO กำลังวางแผนที่จะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบมาตรการต่างๆที่เกาหลีเหนือใช้ในปีหน้า เพื่อให้มีการตรวจสอบได้เมื่อมีการยิงขีปนาวุธเกิดขึ้น
ทั้งนี้ เกาหลีเหนือเองก็เป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกของ ICAO
-- หน่วยงานด้านการกำกับดูแลธนาคารและประกันของจีนเผยจะเพิ่มเงินทุนเพื่อสนับสนุนแก่โครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานของประเทศ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คณะกรรมการกำกับดูแลธนาคารและประกันของจีน ระบุผ่านแถลงการณ์ว่า จีนจะเพิ่มการสนับสนุนด้านสินเชื่อแก่โครงการสาธารณูปโภคที่มีฐานเงินทุนแข็งแกร่งและการดำเนินงานที่ดี โดยมีข้อแม้ว่า การช่วยเหลือด้านเงินทุนดังกล่าวจะไม่สร้างหนี้ให้เป็นภาระแก่หน่วยงานรัฐบาลท้องถิ่น
-- ผู้นำประเทศต่างๆทั่วโลกร่วมกล่าวคำไว้อาลัยแก่นายโคฟี่ อันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ (UN) ที่ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ที่โรงพยาบาลในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยวัย 80 ปี
นายลีโอ วารัดการ์ นายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์ กล่าวถึงนายอันนันว่าเป็นนักพหุภาคีนิยอย่างแท้จริง พร้อมระบุว่า ตนเองรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทราบข่าวการจากไปของนายอันนัน ซึ่งเป็นบุคคลที่ตนเองได้มีโอกาสพบเมื่อต้นปี ท่านเป็นนักพหุภาคีนิยมอย่างแท้จริงในช่วงเวลาเราต้องการพหุภาคีนิยม และยังเป็นผู้สนับสนุนสันติภาพโลกอย่างไม่เคยเหน็ดเหนื่อย
ทางด้านประธานาธิบดีมาร์เซโล เดอ โซซ่า แห่งโปรตุเกส กล่าวว่า นายอันนันเป็นผู้สนับสนุนการเจรจาและความร่วมมือกันอย่างจริงจัง และยังเป็นศักดิ์ศรีแห่งมวลมนุษย์ ตลอดจนหลักการพื้นฐานแห่งกฎบัตรสหประชาชาติ
-- นายโซเรน สโค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเอ.พี.โมลเลอร์-เมอส์ก เอ/เอส (A.P. Moller-Maersk A/S) กลุ่มบริษัทขนส่งทางเรือรายใหญ่ที่สุดในโลกของเดนมาร์ก เปิดเผยว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐ จะสร้างความเสียหายต่อสหรัฐในระดับที่รุนแรงกว่าประเทศอื่นๆ
ซีอีโอของเมอส์ก คาดการณ์ว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐ อาจส่งผลให้การค้าของสหรัฐชะลอตัวลงประมาณ 3-4% เมื่อเทียบกับทั่วโลกที่คาดว่าจะชะลอตัวลงเพียง 0.1-0.3%
-- นักลงทุนทั่วโลกจับตาการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 23-25 ส.ค.นี้ โดยหัวข้อการประชุมในปีนี้คือ "การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาด และสิ่งบ่งชี้สำหรับทิศทางนโยบายการเงิน"
ที่ผ่านมา การประชุมเศรษฐกิจประจำปีซึ่งจัดขึ้นโดยเฟดสาขาแคนซัส ซิตี้นั้น จะมีการหารือกันในประเด็นเศรษฐกิจทั้งในสหรัฐ และระหว่างประเทศ โดยจะมีผู้ว่าการธนาคารกลาง รัฐมนตรีคลัง นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน จากประเทศต่างๆทั่วโลก เดินทางมาร่วมการประชุม
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ เยอรมนีจะเปิดเผย ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค. ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้จะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค. และธนาคารกลางออสเตรเลียจะเปิดเผยรายงานการประชุม