กรีซได้รับเงินช่วยเหลือจากกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) ครบ 3 ปีแล้วในวันนี้ โดยวงเงินที่ทาง ESM ได้จัดสรรเพื่อช่วยให้กรีซรอดพ้นจากวิกฤตหนี้นั้น อยู่ที่ 6.19 หมื่นล้านยูโรในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา โดยแลกเปลี่ยนกับการออกมาตรการรัดเข็มขัดในประเทศ
โดยหลังจากที่กรีซได้รับวงเงินครบแล้ว กรีซจะสามารถกลับเข้าไประดมทุนหรือกู้ยืมในตลาดการเงินได้
ทั้งนี้ เมื่อรวมกับเงินช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ทำให้วงเงินกู้ทั้งหมดที่กรีซได้รับนั้น มีมูลค่ากว่า 2.60 แสนล้านยูโร ซึ่งถือเป็นเงินช่วยเหลือที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์การเงินโลก
วันนี้ (20 ส.ค.) จึงถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของการสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการของการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่กรีซ โดยกรีซถือเป็นประเทศสุดท้ายที่ได้รับเงินกู้ฉุกเฉินในช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินยุโรป
ภายหลังจากที่ได้รับเงินกู้ช่วยเหลืองวดสุดท้ายไปแล้ว รัฐบาลกรีซจะต้องหาเงินทุนทั้งจากการจัดเก็บภาษีและการกู้ยืมจากตลาดการเงินต่างๆ
ที่ผ่านมา ประเทศที่ได้รับเงินช่วยเหลือทางการเงิน ได้แก่ กรีซ, ไอร์แลนด์, โปรตุเกส, สเปน และไซปรัส ซึ่งต่างถูกจับตาว่า ท้ายที่สุดแล้วยูโรโซนจะสามารถอยู่รอดได้หรือไม่ และประเทศเหล่านี้จะมีประเทศใดหรือไม่ที่จะหลุดพ้นจากการเป็นสมาชิกของกลุ่ม