สภาอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าแห่งชาติ (CANACERO) ของเม็กซิโกได้ออกมาเรียกร้องให้สหรัฐยกเลิกภาษีนำเข้าเหล็กจากเม็กซิโก ก่อนที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ฉบับใหม่
CANACERO ได้กล่าวในแถลงการณ์ว่า การจัดเก็บภาษีที่สหรัฐเรียกเก็บกับเม็กซิโกและประเทศอื่นๆตั้งแต่เดือนมิ.ย.นั้น ถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และทำให้การค้าเสรีอเมริกาเหนือตกอยู่ในความเสี่ยง
โดย CANACERO กล่าวว่า "ในวันนี้อุตสาหกรรมเหล็กและอลูมิเนียมเป็นภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบ แต่เราต้องมองว่าภาคส่วนอื่นๆก็อาจได้รับผลกระทบจากมาตรการนี้ได้ตลอดเวลา ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการทำลายผลประโยชน์ของสนธิสัญญา" และยังเสริมอีกว่า การที่รัฐบาลเม็กซิโกจะปกป้องอุตสาหกรรมของประเทศและร้องขอการข้อยกเว้นจากมาตรา 232 (การเรียกเก็บภาษีอลูมิเนียมและโลหะ) ให้แก่เม็กซิโกก่อนที่การเจรจาจะเสร็จสิ้นนั้น เป็นสิ่งจำเป็น
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในเดือนมิ.ย. สหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีเหล็ก 25% และอลูมิเนียม 10% ที่นำเข้าจากประเทศเม็กซิโก สหภาพยุโรป และแคนาดา
รัฐบาลสหรัฐ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศใช้มาตรา 232 ว่าด้วยเรื่องความมั่นคงของชาติตามกฎหมาย Trade Expansion Act 1962 โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงของประเทศ
CANACERO เผยว่า เพียงเดือนเดียวหลังประกาศเรียกเก็บภาษีดังกล่าวนั้น การส่งออกเหล็กของเม็กซิโกไปยังสหรัฐลดฮวบลง 37% ขณะเดียวกันการส่งออกจากสหรัฐมายังเม็กซิโกนั้น ยังคงทรงตัว
ทั้งนี้ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เม็กซิโกและสหรัฐประกาศบรรลุข้อตกลงทวิภาคีกับเม็กซิโก ซึ่งเป็นการปูทางไปสู่การเจรจา NAFTA โดยทางทีมเจรจาของแคนาดาได้เริ่มต้นการเจรจาตั้งแต่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ส่วนเมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรีแคนาดา กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่แคนาดาและสหรัฐจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ก่อนเส้นตายวันศุกร์นี้ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์