ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ กำลังเผชิญกับแรงกดดันจากสมาชิกในรัฐบาลต่อกรณีการผลักดันให้มีการทำข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ฉบับใหม่ เนื่องจากสมาชิกสภาคองเกรสต่างต้องการให้สหรัฐรวมแคนาดาเข้าไว้ในข้อตกลงฉบับใหม่
ในขณะที่ทรัมป์ประกาศจุดยืนว่า หากไม่สามารถทำข้อตกลงที่เป็นธรรมสำหรับสหรัฐได้ แคนาดาก็ต้องออกไป พร้อมกับระบุว่า คองเกรสไม่ควรจะเข้ามาแทรกแซงการเจรจาต่อรอง หรือมิฉะนั้น ตนเองจะฉีกข้อตกลง NAFTA ทั้งหมด
มาร์ค โซเบล อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงคลังสหรัฐ กล่าวว่า การทำข้อตกลงกับแคนาดาจะต้องมีแรงกดดันสูง เพราะแคนาดาเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญของหลายประเทศ ดังนั้น แนวโน้มเศรษฐกิจของเราจึงเกี่ยวพันกับแคนาดาด้วยเช่นกัน
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทรัมป์ ทวีตว่า "ไม่มีความจำเป็นทางการเมือง" ที่ต้องเก็บแคนาดาไว้ในข้อตกลง NAFTA
"หากไม่ได้ข้อตกลงที่ยุติธรรมสำหรับสหรัฐ หลังจากที่เราถูกเอาเปรียบมาตลอดหลายสิบปี แคนาดาก็ต้องออกไป" ทรัมป์ระบุในทวีต ถือเป็นการขู่ฉีกข้อตกลงการค้าเสรีไตรภาคีที่มีมานาน 24 ปี
"เราเคยดีกว่านี้มากตอนที่ยังไม่มี NAFTA เราไม่ควรทำข้อตกลงตั้งแต่แรก และเราจะทำข้อตกลงฉบับใหม่หรือย้อนกลับไปก่อนที่จะมี NAFTA"
ขณะที่การเจรจาระหว่างสหรัฐและแคนาดายังไม่เปิดฉากขึ้นนั้น ทรัมป์ ก็เตรียมเดินหน้าตามแผนเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนรอบใหม่ในสัปดาห์นี้
แหล่งข่าวระบุว่า ปธน.ทรัมป์กล่าวกับคนสนิทว่า เขาจะทำการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าของจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ ทันทีที่มาตรการดังกล่าวได้ข้อสรุปจากการทำประชาพิจารณ์จากภาคส่วนต่างๆของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้