นางเวนดี้ คัตเล รองประธานสถาบันเอเชียโซไซตี้และอดีตผู้แทนเจรจาด้านการค้าของสหรัฐ เปิดเผยระหว่างเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum ที่เมืองเทียนจิน สาธารณรัฐประชาชนจีนว่า ข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐที่กำลังทวีความรุนแรงและอาจไม่สามารถยุติได้ในอนาคตอันใกล้นี้ กำลังสร้างความเจ็บปวดให้กับชาวอเมริกัน
นางคัตเลกล่าวว่า เรากำลังเข้าสู่โลกของภาษี และอาจได้เห็นการเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นต่อไป แต่ในที่สุดก็จะมีการเจรจาเกิดขึ้น เพราะยิ่งสงครามการค้าทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะสร้างความเจ็บปวดให้กับทั้งสองฝ่ายมากเท่านั้น
นอกจากนี้ นางคัตเลยังแสดงความไม่เห็นด้วยต่อการที่คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ตัดสินใจเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้น โดยระบุว่า "แม้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับมาตรการการค้าที่ไม่เป็นธรรมของจีนจะเกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว และฉันก็มีความกังวลในเรื่องดังกล่าวด้วยเช่นกัน แต่ฉันไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของรัฐบาลในครั้งนี้ ซึ่งแม้จะทำให้จีนและทั่วโลกหันมาให้ความสนใจในประเด็นดังกล่าว แต่ในขณะเดียวกันฉันกลับมองว่าพวกเขากำลังทำร้ายแรงงานและผู้บริโภคชาวอเมริกันอยู่"
ทั้งนี้ อดีตผู้แทนเจรจาการค้าของสหรัฐออกมาแสดงความเห็นดังกล่าวในขณะที่ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ โดยเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.นี้ และจากนั้นจะเพิ่มเป็น 25% ตั้งแต่ช่วงต้นปีหน้า
ขณะที่รัฐบาลจีนได้ออกมาตอบโต้ด้วยการประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐในอัตราภาษี 5-10% คิดเป็นวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 24 ก.ย.