ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ได้ออกโรงเตือนถึงผลกระทบอันใหญ่หลวง หากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยืดเยื้อและลุกลามออกไปมากกว่านี้
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ADB ได้ระบุในรายงาน Asian Development Outlook 2018 Update ว่า การประเมินถึงผลกระทบต่างๆนั้น อาจจะยังไม่สามารถบ่งบอกภาวะปั่นป่วนที่อาจจะเกิดขึ้นกับภาคการผลิตได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากเครือข่ายธุรกิจในต่างประเทศนั้นมีการดำเนินการเข้มงวด และบริษัทหลายแห่งได้ยกเลิกแผนการลงทุน ท่ามกลางสถานการณ์การจัดสรรทรัพยากรใหม่ในภาคการผลิตทั่วโลก และยังไม่ได้มีการวัดผลกระทบด้านลบต่อความผันผวนด้านเศรษฐกิจ
รายงานระบุว่า ภาวะผันผวนดังกล่าวอาจจะขยายวงได้ หากความขัดแย้งยังยืดเยื้อต่อไป
ทางด้านนายโจเซฟ เซวกลิช ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของ ADB กล่าวในระหว่างที่ได้มีการนำเสนอรายงานดังกล่าวว่า ความเสี่ยงสูงสุดต่อการขยายตัวในภูมิภาคนั้น เกิดขึ้นจากภาวะปั่นป่วนที่อาจจะเกิดขึ้นกับการเชื่อมโยงการผลิตในระดับสากล ซึ่งเป็นผลมาจากความขัดแย้งด้านการค้าที่ลุกลามออกไป
รายงานของ ADB ได้คาดการณ์เรื่องการขยายตัวของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียในปีนี้ว่า จะขยายตัว 6% และในปีหน้าจะขยายตัว 5.8% ภายหลังจากที่ได้มีการใช้มาตรการจัดเก็บภาษีระหว่างกันโดยสหรัฐและจีนตั้งแต่ต้นปี
นายเซวกลิช กล่าวต่อไปว่า ความขัดแย้งด้านการค้ายังคงเลวร้ายต่อไปในปีนี้ หลังจากที่สหรัฐได้มีการจัดเก็บภาษีนำเข้าทั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องซักผ้า เหล็กและอลูมิเนียม ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวก็ทำให้ทางการจีนตอบโต้ในทันทีเช่นกัน โดยทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็เข้มงวดกับข้อกำหนดด้านการลงทุนของประเทศ