นายมหาธีร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าวในวันนี้ว่า มาเลเซียอาจจะใช้นโยบายการเรียกเก็บภาษีแบบใหม่และขายสินทรัพย์ เช่น ที่ดิน เพื่อชำระหนี้ หลังจากประสบปัญหาภาวะหนี้สินประมาณ 1 ล้านล้านริงกิต (2.4067 แสนล้านดอลลาร์)
นายมหาธีร์ ได้กล่าวโทษว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายนาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเป็นต้นเหตุที่นำพาประเทศเข้าสู่ภาวะหนี้จำนวนมหาศาล รวมถึงการยักยอกเงินจากกองทุนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติมาเลเซีย (1MDB)
ปัจจุบัน รัฐบาลมาเลเซียกำลังมองหาแหล่งเงินทุนใหม่เพื่อชดเชยจำนวนเงินที่ขาดไป หลังจากที่รัฐบาลได้ปรับลดอัตราภาษีสินค้าและบริการ (GST) จากระดับ 6% สู่ระดับ 0% และได้นำมาตรการเรียกเก็บภาษีการขายและบริการ (SST) มาใช้แทนการจัดเก็บภาษี GST
นายมหาธีร์กล่าวในที่ประชุมกับนักลงทุนว่า มาเลเซียอาจต้องหามาตรการเรียกเก็บภาษีแบบใหม่ หรือไม่เช่นนั้นก็ขายสินทรัพย์ของประเทศ ซึ่งอาจเป็นที่ดินหรือสินทรัพย์ที่มีค่าอย่างอื่นเพื่อหาเงินมาชำระหนี้
อย่างไรก็ตาม นายมหาธีร์ไม่ได้ระบุในรายละเอียดว่า จะนำสินทรัพย์ใดมาจำหน่าย