นายอี้ กัง ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยระหว่างการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก ที่เกาะบาหลีของอินโดนีเซียว่า จีนจะยังคงปล่อยให้ค่าเงินหยวนเคลื่อนไหวไปตามกลไกตลาด โดยจีนจะไม่ลดค่าเงินเพื่อใช้เป็นอาวุธต่อสู้สงครามการค้า
นอกจากนี้ ผู้ว่าแบงก์ชาติจีนระบุว่า จีนจะพยายามรักษาเสถียรภาพของเงินหยวน และใช้นโยบายการเงินในลักษณะที่เป็นกลางต่อไป
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังก่อนหน้านี้ นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐ ได้ออกมาเตือนจีนเกี่ยวกับการที่เงินหยวนอ่อนค่าลง ซึ่งทำให้จีนมีข้อได้เปรียบด้านการค้า อย่างไรก็ตาม นายมนูชินไม่ได้กล่าวหาว่า จีนจงใจกดดันเงินหยวนให้อ่อนค่า
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังสหรัฐเตรียมออกรายงานรอบครึ่งปีในประเด็นค่าเงิน ในวันที่ 15 ต.ค.นี้ โดยนักลงทุนจะจับตาในส่วนที่ระบุถึงจีน ซึ่งขณะนี้เป็นคู่กรณีของสหรัฐในการทำสงครามการค้า
ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มักกล่าวหาจีนว่าจงใจลดค่าเงินหยวน เพื่อสร้างความได้เปรียบในการส่งออก และทำให้จีนเกินดุลการค้าอย่างมากต่อสหรัฐ ซึ่งปธน.ทรัมป์มองว่าเป็นการดำเนินการทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมต่อสหรัฐ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เจ้าหน้าที่ในกระทรวงการคลังสหรัฐได้ให้คำแนะนำแก่นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐว่า จีนไม่ได้บิดเบือนค่าเงินแต่อย่างใด ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่า ในรายงานที่กระทรวงการคลังสหรัฐจะเปิดเผยในวันจันทร์นั้น สหรัฐจะยังคงไม่มีการระบุว่าจีนเป็นประเทศที่ปั่นค่าเงิน แต่จะขึ้นบัญชีในฐานะประเทศที่ "ถูกจับตามอง" ต่อพฤติกรรมการดำเนินการเกี่ยวกับค่าเงิน และนโยบายเศรษฐกิจมหภาค เช่นเดียวกับที่ได้ระบุไว้ในรายงาน 3 ฉบับก่อนหน้านี้ นับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งในต้นปี 2560
อย่างไรก็ดี นายมนูชินยังคงมีอำนาจในการทบทวนแก้ไขรายงานดังกล่าว ซึ่งหากในที่สุดรายงานฉบับนี้ระบุว่าจีนเป็นประเทศที่บิดเบือนค่าเงิน ก็จะส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีน รวมทั้งออกมาตรการลงโทษอื่นๆ