กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐมียอดขาดดุลงบประมาณในปีงบฯ 2561 ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 30 ก.ย. เพิ่มขึ้น 17% สู่ระดับ 7.99 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2555
ส่วนรายจ่ายของรัฐบาลพุ่งขึ้น 3.2% แตะที่ระดับ 4.11 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับปีงบประมาณก่อนหน้า ขณะที่รายรับของรัฐบาลขยายตัวเพียง 0.4% สู่ระดับ 3.33 ล้านล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ยอดขาดดุลที่พุ่งขึ้นนั้น เป็นผลมาจากมาตรการปรับลดภาษีและการเพิ่มงบประมาณในภาคกลาโหมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ตัวเลขขาดดุลงบประมาณในปีงบฯ 2561 ดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วน 3.9% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เพิ่มขึ้น 0.4% จากปีงบประมาณก่อนหน้า
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐกล่าวแสดงความเห็นว่า "ปธน.ทรัมป์ให้ความสำคัญกับงบประมาณในกองทัพสหรัฐ หลังจากที่มีการปรับลดงบประมาณมาหลายปี ซึ่งลดโอกาสในการเตรียมความพร้อมและบั่นทอนความมั่นคงของชาติ"
นอกจากนี้ นายมนูชินยังกล่าวด้วยว่า "นโยบายของปธน.ทรัมป์ที่ช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ ประกอบกับการปรับลดค่าใช้จ่ายในส่วนที่ไม่จำเป็น จะทำให้สหรัฐบรรลุเป้าหมายด้านการเงินอย่างยั่งยืน"