World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 17 ตุลาคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 17, 2018 09:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงโกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนลีย์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ

-- ราคาหุ้นของบริษัทเทสลา อิงค์ พุ่งขึ้นกว่า 6% เมื่อคืนนี้ ขานรับข่าวที่ว่าศาลสหรัฐได้ให้การรับรองข้อตกลงระหว่างนายอีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้งบริษัทเทสลา และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ในการยุติคดีที่เกี่ยวข้องกับการทวีตข้อความของนายทัสก์ในการนำเทสลาออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาด

ทั้งนี้ SEC ได้ยื่นฟ้องนายมัสก์ก่อนหน้านี้ ฐานจงใจหลอกลวงนักลงทุน ด้วยการทวีตข้อความในวันที่ 7 ส.ค.ว่า เขามีแผนที่จะนำบริษัทเทสลาออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาด โดยเขามีแหล่งเงินทุนที่จะเข้าซื้อหุ้นที่ระดับราคา 420 ดอลลาร์ ซึ่งข่าวนี้ส่งผลให้ราคาหุ้นเทสลาพุ่งขึ้นแตะ 387.46 ดอลลาร์ในวันดังกล่าว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

-- สื่อตุรกีรายงานว่า นายโมฮัมหมัด อัล-โอไตบี กงสุลใหญ่ซาอุดิอาระเบียประจำนครอิสตันบูล ได้เดินทางออกจากตุรกีแล้วเมื่อวานนี้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจค้นบ้านพักของเขา

นายอัล-โอไตบีได้เดินทางออกจากนครอิสตันบูลโดยได้ขึ้นเครื่องบินจากท่าอากาศยานอะตาเติร์ก ขณะที่เจ้าหน้าที่ตุรกีและซาอุดิอาระเบียเตรียมเข้าตรวจค้นบ้านพักของเขาเพื่อหาเบาะแสการหายตัวไปของนายจามาล คาช็อกกี นักข่าวซาอุดิอาระเบีย หลังจากที่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตุรกีได้เข้าตรวจค้นสถานกงสุลซาอุดิอาระเบียเป็นเวลา 9 ชั่วโมง

-- สำนักข่าว SPA ของทางการซาอุดิอาระเบีย รายงานว่า นายไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐ ได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดี ซัลมาน บิน อับดุลลาซิซ อัล ซาอุด แห่งซาอุดิอาระเบีย เมื่อวานนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทวิภาคี และกรณีการหายตัวไปของนายจามาล คาช็อกกี นักข่าวซาอุดิอาระเบีย

ในระหว่างการพบปะกันนั้น กษัตริย์ซัลมานและนายปอมเปโอได้สนทนากันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ รวมทั้งสถานการณ์ในภูมิภาค นอกจากนี้ นายปอมเปโอยังได้แสดงความขอบคุณต่อกษัตริย์ซัลมานสำหรับการสนับสนุนการสอบสวนอย่างโปร่งใสต่อการเสียชีวิตของนายคาช็อกกี

-- KYB บริษัทผลิตโช้กอัพชื่อดังของญี่ปุ่น ออกแถลงการณ์ยอมรับว่า ทางบริษัทได้ทำการตกแต่งตัวเลขข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพของโช้กอัพในการรองรับแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวที่มีการติดตั้งอยู่ในอาคารเกือบ 1,000 แห่งทั่วญี่ปุ่น

ทั้งนี้ KYB มีการดำเนินการใน 24 ประเทศทั่วโลก โดยมีการผลิตโช้กอัพที่ใช้ในรถยนต์และรถไฟ รวมทั้งอุปกรณ์ oil dampers ที่ติดตั้งในอาคารเพื่อดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว

KYB ระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่ทางบริษัทได้ตกแต่งข้อมูลคุณภาพของ oil dampers 2 ประเภทที่ผลิตในช่วงเดือนม.ค.2546-เดือนก.ย.ปีที่แล้วที่มีการติดตั้งในอพาร์ทเมนท์, โรงพยาบาล และอาคารที่ทำการของรัฐบาลในญี่ปุ่น

KYB เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะทำการเปลี่ยนอุปกรณ์ที่มีปัญหาดังกล่าว

-- สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนส.ค.

ทั้งนี้ ผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) รายเดือน พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน พุ่งขึ้นแตะระดับ 7.14 ล้านตำแหน่งในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนตัวเลขการจ้างงานแตะระดับ 5.78 ล้านตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ที่มองหางานทำอยู่ที่ระดับ 6.23 ล้านคนในเดือนส.ค. และลดลงสู่ระดับ 5.96 ล้านคนในเดือนก.ย. ส่วนตัวเลขผู้ลาออกจากงานโดยสมัครใจลดลงเล็กน้อยสู่ระดับ 3.58 ล้านคนในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และพุ่งขึ้น 12.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว

-- สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านขยับขึ้น 1 จุด อยู่ที่ระดับ 68 ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนการก่อสร้างที่ลดลงจากการร่วงลงของราคาไม้ แต่ยังถูกกดดันจากการขาดแคลนแรงงานทักษะ

อย่างไรก็ดี ดัชนีความเชื่อมั่นทรงตัว เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ดัชนีความเชื่อมั่นยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงมุมมองโดยทั่วไปที่เป็นบวก

ส่วนดัชนีคาดการณ์ยอดขายในช่วง 6 เดือนข้างหน้า เพิ่มขึ้น 1 จุด สู่ระดับ 75 จุด ขณะที่ดัชนีภาวะยอดขายในปัจจุบันเพิ่มขึ้น 1 จุด สู่ระดับ 74 จุด

-- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ในเดือนก.ย. โดยปรับตัวขึ้น 0.3% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค.

ทั้งนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมเป็นการวัดการปรับตัวของภาคการผลิต, เหมืองแร่ และสาธารณูปโภค

ภาคการผลิตเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย. ขณะที่ภาคสาธารณูปโภคทรงตัว

นอกจากนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 3.3% ในไตรมาส 3 หลังจากพุ่งขึ้น 5.3% ในไตรมาส 2

ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตทรงตัวที่ระดับ 78.1% ในเดือนก.ย.

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานว่า ตัวเลขค่าจ้าง ซึ่งไม่นับรวมเงินโบนัส พุ่งขึ้น 3.1% ในเดือนมิ.ย.-ส.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 10 ปี

ทั้งนี้ ONS ยังเปิดเผยว่า ตัวเลขค่าจ้าง ซึ่งรวมเงินโบนัส เพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนมิ.ย.-ส.ค.

ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางอังกฤษคาดการณ์ว่า ตัวเลขค่าจ้างโดยรวมจะมีการขยายตัว 2.5% ภายในสิ้นปีนี้ และเพิ่มเป็น 3.5% ในสิ้นปีหน้า

นอกจากนี้ ONS เปิดเผยว่า จำนวนคนว่างงานลดลง 47,000 คน สู่ระดับ 1.36 ล้านคนในเดือนมิ.ย.-ส.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานอยู่ที่ 4% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางทศวรรษ 1970 ส่วนจำนวนผู้มีงานทำลดลง 5,000 คน อยู่ที่ระดับ 32.39 ล้านคน

-- การประชุมคณะรัฐมนตรีอังกฤษเปิดฉากขึ้นเมื่อวานนี้ โดยนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ พยายามที่จะโน้มน้าวให้ที่ประชุมได้รับทราบและมั่นใจว่า ประเด็นที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) เกี่ยวกับการถอนตัวจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) นั้น จะไม่กลายมาเป็นประเด็นที่ทำให้การเจรจาคว้าน้ำเหลว

ทั้งนี้ หนึ่งในประเด็นที่ยังตกลงกันไม่ได้และมีความสำคัญ ได้แก่ กฎเกณฑ์เกี่ยวกับการส่งออกสินค้าและการเดินทางเข้าออกไอร์แลนด์เหนือ ภายหลังจากที่สหราชอาณาจักรได้ถอนตัวจากการเป็นสมาชิกของ EU แล้ว

-- นักลงทุนจับตาการประชุมสุดยอดของผู้นำสหภาพยุโรป (EU) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 17-18 ต.ค. โดยที่ประชุมจะมีการหารือเกี่ยวกับข้อเสนอของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เกี่ยวกับการที่อังกฤษจะแยกตัวออกจาก EU (Brexit)

อย่างไรก็ดี ผู้นำส่วนใหญ่ของ EU ดูเหมือนไม่มีความหวังว่าที่ประชุมจะสามารถบรรลุข้อตกลง Brexit กับอังกฤษในสัปดาห์นี้ ท่ามกลางความขัดแย้งกันเกี่ยวกับประเด็นชายแดนของไอร์แลนด์

ขณะที่นายโดนัลด์ ทัสค์ ประธานคณะมนตรียุโรป เรียกร้องให้นางเมย์ยื่นข้อเสนอใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้นเพื่อแก้ไขภาะชะงักงันในการเจรจา

นายทัสก์ระบุว่า เขาไม่มีความเชื่อมั่นว่าอังกฤษและ EU จะสามารถบรรลุข้อตกลงในสัปดาห์นี้

-- ประธานาธิบดีมูน แจ อิน แห่งเกาหลีใต้ เตรียมจัดประชุมทวิภาคีกับนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการประชุมนอกรอบของการประชุมเอเชีย-ยุโรป (ASEM) ที่เบลเยียมในสัปดาห์นี้

โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้กล่าวว่า ประธานาธิบดีมูนจะจัดการประชุมสุดยอดทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และนายกรัฐมนตรีไทย ระหว่างการเข้าร่วมการประชุม ASEM ที่เบลเยียมในวันที่ 19 ต.ค.

มีการคาดการณ์ว่า ระหว่างการประชุม นายมูนจะพูดคุยเรื่องความสัมพันธ์ทวิภาคีและเรียกร้องขอความร่วมมือสำหรับความพยายามที่จะปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ โดยในการพูดคุยกับนายเอ็มมานูเอล มาครอง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส นายมูนได้เน้นถึงความต้องการที่จะส่งเสริมการปลดอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือโดยการผ่อนคลายการคว่ำบาตรของ UN เมื่อกระบวนการไปถึงจุดที่ไม่สามารถย้อนกลับได้

-- นายสก็อตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย กล่าวว่า ออสเตรเลียกำลังพิจารณาการยอมรับกรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล และโยกย้ายสถานทูตออสเตรเลียจากเมืองเทลอาวีฟไปยังกรุงเยรูซาเลม

หากออสเตรเลียมีการดำเนินการดังกล่าว ก็จะถือเป็นการตัดสินใจตามสหรัฐซึ่งได้โยกย้ายสถานทูตในเดือนพ.ค.

อย่างไรก็ดี นายมอร์ริสันกล่าวว่า เขาจะทำการหารือกับคณะรัฐมนตรี และชาติอื่นๆ ก่อนที่จะมีการตัดสินใจในขั้นสุดท้าย

นอกจากนี้ นายมอร์ริสันระบุว่า ออสเตรเลียยังคงยึดมั่นในการมี 2 รัฐเพื่อเป็นแนวทางแก้ไขความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์

-- โกลด์แมน แซคส์เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไรและรายได้ในไตรมาส 3 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยได้แรงหนุนจากธุรกิจวาณิชธนกิจ

ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า ธนาคารมีกำไรที่ระดับ 6.28 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.38 ดอลลาร์/หุ้น

นอกจากนี้ โกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยว่า ธนาคารมีรายได้ 8.65 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.40 พันล้านดอลลาร์

-- บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไรและรายได้ในไตรมาส 3 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ระบุว่า บริษัทมีกำไร 2.05 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.03 ดอลลาร์/หุ้น

นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ 2.03 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.005 หมื่นล้านดอลลาร์

-- มอร์แกน สแตนลีย์เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไรและรายได้ในไตรมาส 3 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ มอร์แกน สแตยลีย์ระบุว่า ธนาคารมีกำไรที่ระดับ 1.17 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.01 ดอลลาร์/หุ้น

ขณะเดียวกัน ธนาคารมีรายได้ 9.87 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 9.55 พันล้านดอลลาร์

-- แบล็คร็อค ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไรในไตรมาส 3 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยได้รับอานิสงส์จากมาตรการปรับลดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ทั้งนี้ แบล็คร็อค ระบุว่า บริษัทมีกำไรพุ่งขึ้น 27% สู่ระดับ 7.52 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.84 ดอลลาร์/หุ้น

อย่างไรก็ดี แบล็คร็อคเปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้ 3.576 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.648 พันล้านดอลลาร์

แบล็คร็อคยังระบุว่า บริษัทมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการพุ่งขึ้น 8% สู่ระดับ 6.444 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากระดับ 5.976 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยจีนจะเปิดเผยยอดปล่อยกู้ล็อตใหม่สกุลเงินหยวนและยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เดือนก.ย. ขณะที่อังกฤษและอียูจะเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย. และสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ย.สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) และคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 25-26 ก.ย.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นจะเปิดเผยยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนก.ย. ออสเตรเลียจะเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนก.ย. ด้านอังกฤษเตรียมเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.ย. และสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์และดัชนีการผลิตเดือนต.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ