กระทรวงการคลังสหรัฐได้เปิดเผยรายงาน "นโยบายเศรษฐกิจและอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ (International Economic and Exchange Rate Policies) รอบครึ่งปี ต่อสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า ไม่มีประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐประเทศใดที่มีพฤติกรรมบิดเบือนค่าเงิน ซึ่งรวมถึงจีน
รายงานสรุปของกระทรวงการคลังระบุว่า ไม่มีประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐประเทศใดที่เข้าข่ายบิดเบือนค่าเงินในระยะเวลา 4 ไตรมาสซึ่งสิ้นสุด ณ เดือนมิ.ย. 2561
อย่างไรก็ตาม รายงานของกระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า จีน เยอรมนี อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสวิตเซอร์แลนด์ อยู่ใน "รายชื่อประเทศที่ถูกจับตา" ซึ่งหมายความว่า ทางการสหรัฐจะจับตานโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศเหล่านี้อย่างใกล้ชิด
นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวว่า จีนยังขาดความโปร่งใสในการดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน พร้อมระบุว่า การที่เงินหยวนอ่อนค่าลงในช่วงที่ผ่านมา โดยอ่อนค่าลงกว่า 7% เมื่อเทียบกับดอลลาร์นับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมิ.ย.นั้น ได้สร้างความกังวลให้กับสหรัฐเป็นอย่างมาก
"การอ่อนค่าของเงินหยวนถือเป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางการบรรลุเป้าหมายการค้าที่เป็นธรรมและมีความสมดุลมากขึ้น เราจะยังคงจับตา และจะทบทวนนโยบายค่าเงินของจีนต่อไป ซึ่งรวมถึงการทบทวนผ่านทางการปรึกษาหารือร่วมกับธนาคารกลางจีน" นายมนูชินกล่าวในแถลงการณ์
รายงานของกระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และการอ่อนค่าของสกุลเงินหยวนในช่วงที่ผ่านมานั้น จะส่งผลให้สถานการณ์การค้าย่ำแย่ลง และจะทำให้บัญชีเดินสะพัดอยู่ในภาวะไร้สมดุล
นอกเหนือจากกรณีที่สหรัฐขาดดุลการค้าจำนวนมากกับจีนแล้ว รายงานยังระบุว่า กระทรวงการคลังสหรัฐยังคงกังวลต่อกรณีที่การค้าทวิภาคีระหว่างสหรัฐและญี่ปุ่นอยู่ในภาวะที่ไม่สมดุลเป็นอย่างมาก