นางเจเน็ต เยลเลน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงที่เป็นผลมาจากความหละหลวมของมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อในตลาด ซึ่งส่งผลตัวเลขหนี้สินภาคเอกชนในปัจจุบันของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.6 ล้านล้านดอลลาร์
นางเยลเลนกล่าวใหสัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ไฟแนลเซียล ไทมส์ ว่า "ฉันรู้สึกกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงในเชิงระบบที่เป็นผลมาจากเงินกู้เหล่านั้น เพราะมาตรฐานการปล่อยเงินกู้หละหลวมลงไปมาก ในขณะที่กฎระเบียบการปล่อยสินเชื่อก็ผ่อนคลายลง"
อดีตประธานเฟดยังกล่าวด้วยว่า กฎระเบียบในการปล่อยสินเชื่อกำลังเคลื่อนไหวไปในแนวทางที่ผ่อนคลายมากขึ้น "แทนที่จะหาทางแก้ไขจุดอ่อนที่มีอยู่"
"เมื่อฉันมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทางการเมือง ทั้งในเรื่องของการล็อบบี้และการผ่อนคลายกฎระเบียบ ตลอดจนการลดความสำคัญของการกำกับดูแลบางส่วนลง ฉันก็รู้สึกกังวลว่า เราจะลืมนึกถึงเรื่องของวิกฤตการณ์ทางการเงินและความจำเป็นของกฎระเบียบที่เข้มงวดไป" นางเยลเลนกล่าว พร้อมเตือนว่าการเพิ่มขึ้นของหนี้สินภาคเอกชนอาจทำให้เศรษฐกิจของประเทศตกต่ำลง
นอกจากนี้ นางเยลเลนกล่าวว่า "หากเศรษฐกิจของเราต้องเผชิญกับภาวะตกต่ำ ฉันคิดว่าจะมีบริษัทอีกหลายแห่งที่ต้องล้มละลาย เพราะหนี้สินเหล่านี้จะทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไป"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สถาบันการเงินระหว่างประเทศ (IIF) เปิดเผยเมื่อวันพุธที่ผ่านว่า หนี้สินของบริษัทนอกภาคการเงินในสหรัฐได้พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 14.8 ล้านล้านดอลลาร์ ณ สิ้นสุดไตรมาส 2 ของปีนี้