-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 ที่ระดับ 3.5% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.4% โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายที่แข็งแกร่งของผู้บริโภค ขณะที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ
กระทรวงระบุว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 2 ใน 3 ของตัวเลข GDP พุ่งขึ้น 4% ในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2557
อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายในภาคธุรกิจลดลง 7.9% ในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2559
นอกจากนี้ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 1.6% ในไตรมาส 3 ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.2%
-- สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า นายวิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าของทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกบริเวณลานจอดรถใกล้สนามคิง พาวเวอร์ สเตเดียม เมืองเลสเตอร์ เมื่อช่วงเย็นวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น พร้อมระบุว่า ผู้โดยสารทั้ง 5 คนบนเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวเสียชีวิตทั้งหมด
แถลงการณ์ของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ระบุว่า "นับเป็นความเศร้าเสียใจอย่างสุดซึ้งที่เราต้องยืนยันว่า นายวิชัย ศรีรัตนประภา ประธานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ เป็น 1 ในผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในช่วงเย็นวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น เมื่อเฮลิคอปเตอร์ที่มีนายวิชัยและผู้โดยสารอีก 4 คนอยู่บนเครื่องด้วยนั้น ได้ตกลงบริเวณนอกสนามคิง พาวเวอร์ สเตเดียม โดยทั้ง 5 คนบนเครื่องไม่มีใครรอดชีวิต"
-- เจ้าหน้าที่สหรัฐสามารถจับกุมนายซีซาร์ ซายอค จูเนียร์ วัย 56 ปี ซึ่งคาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งพัสดุ 12 ชิ้นที่มีการบรรจุวัตถุระเบิดอยู่ภายในไปยังบุคคลต่างๆที่อยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
นายซายอคอาศัยอยู่ที่เมืองอาเวนทูรา รัฐฟลอริดา และเคยอยู่ในรัฐนิวยอร์กก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ นายซายอคได้เคยถูกจับกุมตัวในข้อหาลักทรัพย์, มีสารสเตียรอยด์ในครอบครอง และเคยยื่นล้มละลายในปี 2555
สำหรับผู้ที่ตกเป็นเป้าหมายของการส่งพัสดุต้องสงสัยดังกล่าว ได้แก่ อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา, อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน และนางฮิลลารี คลินตัน อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง, นายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ, นายจอร์จ โซรอส พ่อมดการเงิน, นายโรเบิร์ต เดอ นีโร นักแสดงชื่อดัง และสำนักข่าว CNN รวมทั้งสมาชิกสภาคองเกรสสังกัดพรรคเดโมแครต และผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตอีกหลายคน อย่างไรก็ดี ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ผู้ที่ตกเป็นเป้าหมายของการส่งพัสดุดังกล่าว ล้วนแต่อยู่ฝ่ายตรงข้ามของปธน.ทรัมป์ ซึ่งรวมถึงนายเดอ นีโร ที่มักกล่าวโจมตีปธน.ทรัมป์ ขณะที่ปธน.ทรัมป์ก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากับ CNN โดยเคยกล่าวหาว่า CNN มักรายงานแต่ข่าวลวง
-- นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาคลีฟแลนด์ กล่าวว่า เฟดไม่มีการกำหนดเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยไว้ล่วงหน้า แต่จะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจที่เฟดได้รับ
"เราจะพิจารณาตัวเลขเศรษฐกิจที่เข้ามาเพื่อกำหนดแนวโน้มนโยบายของเรา" นางเมสเตอร์กล่าว
นางเมสเตอร์ยังกล่าวว่าภาวะผันผวนในตลาดหุ้นถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ แต่สิ่งนี้จะไม่เปลี่ยนแปลงแนวคิดของตนเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
นอกจากนี้ นางเมสเตอร์ยังแนะนำให้มีการพิจารณาการสื่อสารโดยรวมของเฟด โดยรวมถึงแถลงการณ์หลังการประชุม, การแถลงข่าว รวมทั้งรายงานการประชุมที่จะมีการเปิดเผยหลังผ่านพ้นการประชุมเป็นเวลา 3 สัปดาห์
นางเมสเตอร์ระบุว่า นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ไม่ได้เป็นผู้กำหนดอัตราดอกเบี้ยเพียงคนเดียว ดังนั้นนักลงทุนจึงควรฟังคำกล่าวของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดทั้งคณะ
-- คณะกรรมการบริหารของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้อนุมัติการเพิ่มวงเงินกู้เพื่อช่วยเหลืออาร์เจนตินาเป็น 5.63 หมื่นล้านดอลลาร์
เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา นายมอริซิโอ มาครี ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา ได้ทำข้อตกลงกู้ยืมเงินจาก IMF ในวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายที่จะกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจและรับมือกับผลกระทบจากค่าเงินเปโซที่ร่วงลงอย่างหนัก แต่หลังจากนั้น สกุลเงินเปโซยังคงร่วงลงอย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลให้ปธน.อาร์เจนตินาตัดสินใจเข้าเจรจากับ IMF เพื่อทำข้อตกลงใหม่อีกครั้ง
สำหรับข้อตกลงครั้งใหม่นี้กำหนดว่า รัฐบาลอาร์เจนตินาจะต้องดำเนินมาตรการปรับลดการใช้จ่าย และปรับขึ้นภาษี เพื่อทำให้ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 2.7% ของตัวเลข GDP ในปีนี้ ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 0% ในปีหน้า
ทั้งนี้ เศรษฐกิจอาร์เจนตินาเผชิญกับภาวะถดถอย หลังจากสภาพอากาศแห้งแล้งในช่วงต้นปี 2561 ส่งผลให้รายได้จากการส่งออกธัญพืชของอาร์เจนตินาหดตัวลง
-- สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ได้ปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของอิตาลี ลงสู่ระดับ "เชิงลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ" ซึ่งหมายความว่า อันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ BBB อาจถูกปรับลดลงในวันข้างหน้า โดย S&P ระบุถึงความกังวลเกี่ยวกับตัวเลขขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลอิตาลีซึ่งอยู่ในระดับที่สูงในปัจจุบัน
ก่อนหน้านี้ มูดี้ส์ได้ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีลงสู่ระดับ Baa3 จาก Baa2 โดยให้เหตุผลเกี่ยวกับตัวเลขขาดดุลงบประมาณที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้
-- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า กำไรของบริษัทขนาดใหญ่ในภาคอุตสาหกรรมของจีนช่วงเดือนม.ค.-ก.ย.ปีนี้ ปรับตัวขึ้น 14.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากช่วงเดือนม.ค.-ส.ค.ที่มีการขยายตัว 16.2%
ส่วนในเดือนก.ย.เพียงเดือนเดียวนั้น กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมของจีนที่มีรายได้ต่อปีมากกว่า 20 ล้านหยวน (หรือประมาณ 2.88 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 4.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 5.455 แสนล้านหยวน ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนส.ค.ที่มีการขยายตัว 9.2%
-- บริษัทจดทะเบียนรายใหญ่หลายแห่งเตรียมเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ รวมถึงเฟซบุ๊ก มาสเตอร์การ์ด โซนี่ ซัมซุง แอปเปิล อาลีบาบา และเอ็กซอนโมบิล
-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในวันนี้ โดยอังกฤษจะเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนต.ค.จากเนชั่นไวด์ ขณะที่สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ย. และ ดัชนีการผลิตเดือนต.ค.จากเฟดสาขาดัลลัส
ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นจะเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนก.ย. ฝรั่งเศสและอียูจะเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 ขณะที่เยอรมนีจะเปิดเผยอัตราว่างงานและอัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค. ทางด้านสหรัฐจะเปิดเผย ดัชนีราคาบ้านเดือนส.ค.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์ และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จาก Conference Board