World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 2 พฤศจิกายน 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 2, 2018 09:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

"ผมเพิ่งมีการสนทนาที่ใช้เวลานาน และเป็นไปอย่างดีมากกับท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน เราได้คุยกันในหลายประเด็น โดยเน้นหนักทางด้านการค้า ซึ่งการหารือดังกล่าวเป็นไปด้วยดี โดยเรามีกำหนดพบปะกันในการประชุม G20 ที่อาร์เจนตินา และเรายังมีการหารือกันเป็นอย่างดีเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์มีกำหนดพบปะกับปธน.สี จิ้นผิงนอกรอบการประชุม G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรสของอาร์เจนตินา โดยการประชุม G20 มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค.

-- ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินเมื่อคืนนี้ ตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนจากปัจจัยการแยกตัวของสหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

อย่างไรก็ดี BoE ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด หากกระบวนการ Brexit เป็นไปอย่างราบรื่น

นอกจากนี้ ทางแบงก์ชาติยังประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรในปีหน้า

ทั้งนี้ BoE คาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จะขยายตัว 1.7% ในปีหน้า จากเดิมที่คาดการณ์ที่ระดับ 1.8% ในเดือนส.ค. พร้อมคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 2.1% ในปีหน้า จากเดิมที่คาดการณ์ที่ระดับ 2.2%

-- กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐ ได้ยื่นฟ้องบริษัทฝูเจี้ยน จินหัว อินทิเกรเท็ด เซอร์กิต ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของจีน บริษัทยูไนเต็ด ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ของไต้หวัน และบุคคลอีก 3 ราย ฐานสมคบคิดขโมยความลับทางการค้าจากบริษัทไมครอน เทคโนโลยี ผู้ผลิตชิปของสหรัฐ ที่ศาลแคลิฟอร์เนีย

นอกจากนี้ ทางการสหรัฐยังได้ยื่นฟ้องคดีแพ่งเพื่อไม่ให้มีการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่บริษัทเหล่านี้ผลิตขึ้นจากความลับทางการค้าดังกล่าวมายังสหรัฐด้วย

-- สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า อินเดียและเกาหลีใต้ได้มีการทำข้อตกลงกับสหรัฐ เพื่อเปิดช่องทางให้สองประเทศนี้ยังคงนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านได้บางส่วน อย่างไรก็ดีข้อตกลงดังกล่าวยังไม่มีทิศทางแน่นอน และไม่น่าจะตกลงกันได้ก่อนวันที่สหรัฐเริ่มบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่

ทั้งนี้ สหรัฐเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ระงับการซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านโดยสิ้นเชิงภายในวันที่ 4 พ.ย. มิฉะนั้นจะถูกสหรัฐทำการคว่ำบาตร ซึ่งวันที่ 4 พ.ย.ถือเป็นวันครบกำหนด 180 วันนับจากวันที่ปธน.ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านในเดือนพ.ค. และจะทำให้เขาสามารถออกคำสั่งคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่

สำนักข่าวเกียวโดรายงานเมื่อวานนี้ว่า นายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐมีแผนที่จะยกเว้นการคว่ำบาตรประเทศพันธมิตรที่นำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน

นายโบลตันเผยว่า รัฐบาลสหรัฐต้องการประนีประนอม และกำลังพิจารณาว่าจะยกเว้นให้กับบางประเทศที่ลดการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านภายในวันที่ 5 พ.ย. เมื่อสหรัฐเริ่มบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่

-- เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของอังกฤษกล่าวว่า สหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป (EU) ใกล้บรรลุข้อตกลงในภาคบริการทางการเงินแล้ว ซึ่งจะทำให้กรุงลอนดอนสามารถเข้าถึงตลาดการเงินใน EU หลังจากที่สหราชอาณาจักรแยกตัวออกจาก EU (Brexit)

ทั้งนี้ กรุงลอนดอน ถือเป็นศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีการบริหารสินทรัพย์ทางการเงินของ EU คิดเป็นสัดส่วนราว 37% มูลค่า 6 ล้านล้านยูโร (6.82 ล้านล้านดอลลาร์) หรือเกือบ 2 เท่าเมื่อเทียบกับกรุงปารีสของฝรั่งเศส

นอกจากนี้ ข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้สหราชอาณาจักรสามารถเข้าถึงตลาดการเงินของ EU ในลักษณะที่เท่าเทียมกับสหรัฐและญี่ปุ่น แม้ว่าจะต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบของ EU

-- นายบิล สโตน หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัทอวาโลน แอดไวเซอร์ส กล่าวว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะพุ่งขึ้นอย่างมากในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นทะยานขึ้น 8% หรือมากกว่า แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่

"จากการคาดการณ์ด้วยตัวเลขที่ไม่สูงมาก ผมคิดว่าดัชนี S&P 500 จะสามารถพุ่งขึ้นแตะระดับ 2,950 ซึ่งหากเป็นจริง ดัชนีก็จะอยู่สูงกว่าระดับ 2,940 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตลอดกาลที่ทำไว้เมื่อวันที่ 20 ก.ย." นายสโตนกล่าว

นายสโตนยังระบุว่า เศรษฐกิจจะปรับตัวขึ้น พร้อมกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 214,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ใกล้ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2512 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 213,000 ราย

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ประสิทธิภาพในการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.2% ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบรายไตรมาส หลังจากที่พุ่งขึ้น 3.0% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2558

ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM ร่วงลง 2.1% สู่ระดับ 57.7 ในเดือนต.ค. โดยต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 59.0 หลังจากแตะระดับ 59.8 ในเดือนก.ย.

การปรับตัวลงของดัชนี ISM ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อใหม่ การจ้างงาน การบริโภค การผลิต และสินค้าคงคลัง โดยข้อมูลภาคการผลิตของ ISM สวนทางกับไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.7 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน จากระดับ 55.6 ในเดือนก.ย.

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างทรงตัวในเดือนก.ย. ซึ่งถือเป็นการปรับตัวที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนส.ค.

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่มีกำหนดรายงานวันนี้ มาร์กิต มีกำหนดการรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนต.ค. ของฝรั่งเศส เยอรมนี และยูโรโซน เวลา 15.50 น. 15.55 น. และ 16.00 น. ตามลำดับ

สหรัฐมีกำหนดรายงานดุลการค้าเดือนก.ย. และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค. เวลา 19.30 น. และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ย. เวลา 21.00 น.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ