"ผมเพิ่งมีการสนทนาที่ใช้เวลานาน และเป็นไปอย่างดีมากกับท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน เราได้คุยกันในหลายประเด็น โดยเน้นหนักทางด้านการค้า ซึ่งการหารือดังกล่าวเป็นไปด้วยดี โดยเรามีกำหนดพบปะกันในการประชุม G20 ที่อาร์เจนตินา และเรายังมีการหารือกันเป็นอย่างดีเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์มีกำหนดพบปะกับปธน.สี จิ้นผิงนอกรอบการประชุม G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรสของอาร์เจนตินา โดยการประชุม G20 มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค.
-- ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินเมื่อคืนนี้ ตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนจากปัจจัยการแยกตัวของสหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
อย่างไรก็ดี BoE ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด หากกระบวนการ Brexit เป็นไปอย่างราบรื่น
นอกจากนี้ ทางแบงก์ชาติยังประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรในปีหน้า
ทั้งนี้ BoE คาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จะขยายตัว 1.7% ในปีหน้า จากเดิมที่คาดการณ์ที่ระดับ 1.8% ในเดือนส.ค. พร้อมคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 2.1% ในปีหน้า จากเดิมที่คาดการณ์ที่ระดับ 2.2%
-- กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐ ได้ยื่นฟ้องบริษัทฝูเจี้ยน จินหัว อินทิเกรเท็ด เซอร์กิต ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของจีน บริษัทยูไนเต็ด ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ของไต้หวัน และบุคคลอีก 3 ราย ฐานสมคบคิดขโมยความลับทางการค้าจากบริษัทไมครอน เทคโนโลยี ผู้ผลิตชิปของสหรัฐ ที่ศาลแคลิฟอร์เนีย
นอกจากนี้ ทางการสหรัฐยังได้ยื่นฟ้องคดีแพ่งเพื่อไม่ให้มีการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่บริษัทเหล่านี้ผลิตขึ้นจากความลับทางการค้าดังกล่าวมายังสหรัฐด้วย
-- สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า อินเดียและเกาหลีใต้ได้มีการทำข้อตกลงกับสหรัฐ เพื่อเปิดช่องทางให้สองประเทศนี้ยังคงนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านได้บางส่วน อย่างไรก็ดีข้อตกลงดังกล่าวยังไม่มีทิศทางแน่นอน และไม่น่าจะตกลงกันได้ก่อนวันที่สหรัฐเริ่มบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่
ทั้งนี้ สหรัฐเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ระงับการซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านโดยสิ้นเชิงภายในวันที่ 4 พ.ย. มิฉะนั้นจะถูกสหรัฐทำการคว่ำบาตร ซึ่งวันที่ 4 พ.ย.ถือเป็นวันครบกำหนด 180 วันนับจากวันที่ปธน.ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านในเดือนพ.ค. และจะทำให้เขาสามารถออกคำสั่งคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่
สำนักข่าวเกียวโดรายงานเมื่อวานนี้ว่า นายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐมีแผนที่จะยกเว้นการคว่ำบาตรประเทศพันธมิตรที่นำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน
นายโบลตันเผยว่า รัฐบาลสหรัฐต้องการประนีประนอม และกำลังพิจารณาว่าจะยกเว้นให้กับบางประเทศที่ลดการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านภายในวันที่ 5 พ.ย. เมื่อสหรัฐเริ่มบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่
-- เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของอังกฤษกล่าวว่า สหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป (EU) ใกล้บรรลุข้อตกลงในภาคบริการทางการเงินแล้ว ซึ่งจะทำให้กรุงลอนดอนสามารถเข้าถึงตลาดการเงินใน EU หลังจากที่สหราชอาณาจักรแยกตัวออกจาก EU (Brexit)
ทั้งนี้ กรุงลอนดอน ถือเป็นศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีการบริหารสินทรัพย์ทางการเงินของ EU คิดเป็นสัดส่วนราว 37% มูลค่า 6 ล้านล้านยูโร (6.82 ล้านล้านดอลลาร์) หรือเกือบ 2 เท่าเมื่อเทียบกับกรุงปารีสของฝรั่งเศส
นอกจากนี้ ข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้สหราชอาณาจักรสามารถเข้าถึงตลาดการเงินของ EU ในลักษณะที่เท่าเทียมกับสหรัฐและญี่ปุ่น แม้ว่าจะต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบของ EU
-- นายบิล สโตน หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัทอวาโลน แอดไวเซอร์ส กล่าวว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะพุ่งขึ้นอย่างมากในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นทะยานขึ้น 8% หรือมากกว่า แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่
"จากการคาดการณ์ด้วยตัวเลขที่ไม่สูงมาก ผมคิดว่าดัชนี S&P 500 จะสามารถพุ่งขึ้นแตะระดับ 2,950 ซึ่งหากเป็นจริง ดัชนีก็จะอยู่สูงกว่าระดับ 2,940 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตลอดกาลที่ทำไว้เมื่อวันที่ 20 ก.ย." นายสโตนกล่าว
นายสโตนยังระบุว่า เศรษฐกิจจะปรับตัวขึ้น พร้อมกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 214,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ใกล้ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2512 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 213,000 ราย
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ประสิทธิภาพในการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.2% ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบรายไตรมาส หลังจากที่พุ่งขึ้น 3.0% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2558
ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM ร่วงลง 2.1% สู่ระดับ 57.7 ในเดือนต.ค. โดยต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 59.0 หลังจากแตะระดับ 59.8 ในเดือนก.ย.
การปรับตัวลงของดัชนี ISM ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อใหม่ การจ้างงาน การบริโภค การผลิต และสินค้าคงคลัง โดยข้อมูลภาคการผลิตของ ISM สวนทางกับไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.7 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน จากระดับ 55.6 ในเดือนก.ย.
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างทรงตัวในเดือนก.ย. ซึ่งถือเป็นการปรับตัวที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนส.ค.
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่มีกำหนดรายงานวันนี้ มาร์กิต มีกำหนดการรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนต.ค. ของฝรั่งเศส เยอรมนี และยูโรโซน เวลา 15.50 น. 15.55 น. และ 16.00 น. ตามลำดับ
สหรัฐมีกำหนดรายงานดุลการค้าเดือนก.ย. และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค. เวลา 19.30 น. และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ย. เวลา 21.00 น.