World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 6 พฤศจิกายน 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 6, 2018 09:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มพลังงานที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ เนื่องจากหุ้นแอปเปิลร่วงลงเกือบ 3% หลังจากสื่อรายงานว่าบริษัทแอปเปิล อิงค์ เตรียมยุติแผนเพิ่มกำลังการผลิต iPhone XR นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่การเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐจะมีขึ้นในวันนี้

-- สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ก่อนหน้าที่การเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐกำลังจะเปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการในวันนี้ ประชาชนชาวอเมริกันกำลังเผชิญกับทางเลือกที่อาจกำหนดอนาคตของประเทศไปอีกนานหลายปี ในขณะที่ทั้งพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันเตรียมพร้อมสำหรับความเป็นไปได้ที่พรรคเดโมเครตอาจจะครองสภาผู้แทนราษฎร ส่วนพรรครีพับลิกันของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐจะยังคงมีอำนาจในวุฒิสภา โดยในช่วงโค้งสุดท้าย ผู้นำสหรัฐพยายามหาเสียงด้วยการโจมตีพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามและประเด็นที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง เช่น ประเด็นคนเข้าเมือง พร้อมเตือนผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ต่อต้านแนวทางสังคมนิยมของพรรคเดโมแครตด้วย

อย่างไรก็ดี ผลการสำรวจของซีเอ็นเอ็น โพล ซึ่งจัดทำโดย SSRS รายงานว่า พรรคเดโมแครตยังคงมีคะแนนนำพรรครีพับลิกัน ในระดับตัวเลข 2 หลัก โดยอยู่ที่55% ต่อ 42% ในผลการสำรวจครั้งใหม่ที่สะท้อนคะแนนนำของแต่ละพรรคในช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

ขณะที่ผู้สังเกตการณ์ระบุว่า การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศส่งกำลังทหารไปสกัดคาราวานผู้อพยพตามแนวชายแดน ได้ช่วยกระตุ้นฐานเสียงของพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นกลุ่มคนผิวขาวในวัยทำงาน

ทั้งนี้ การเลือกตั้งกลางเทอมจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐทั้งสภา คือจำนวน 435 คน ขณะที่เลือกสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 35 คนจากทั้งหมด 100 คน รวมทั้งเลือกผู้ว่าการรัฐ 36 รัฐจากทั้งหมด 50 รัฐ

-- รัฐบาลสหรัฐประกาศรายชื่อ 8 ประเทศที่ได้รับการผ่อนผันให้ยังคงสามารถนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านได้ หลังจากที่มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านเริ่มมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ เมื่อวานนี้ โดยมีผลกับภาคธุรกิจพลังงาน ธนาคาร การต่อเรือ และการขนส่งทางเรือ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะกดดันให้อิหร่านยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ และขีปนาวุธ รวมทั้งยุติการให้การสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธในตะวันออกกลาง

ด้านนายไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐ กล่าวในการแถลงข่าวพร้อมกับนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐว่า ประเทศที่ได้รับการผ่อนผันจากมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันอิหร่าน ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน อินเดีย อิตาลี กรีซ และ ตุรกี

นายปอมเปโอกล่าวว่า 2 ประเทศในกลุ่มดังกล่าวจะลดการนำเข้าน้ำมันอิหร่านจนเหลือศูนย์ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ขณะที่อีก 6 ประเทศจะนำเข้าน้ำมันอิหร่านในระดับที่ลดลงเป็นอย่างมาก

-- นายฮัสซัน รูฮานี ประธานาธิบดีอิหร่าน กล่าวว่า อิหร่านจะท้าทายมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ ด้วยการเดินหน้าสขายน้ำมันต่อไป เนื่องจาก "อเมริกาต้องการที่จะทำให้ยอดขายน้ำมันของอิหร่านเป็นศูนย์ แต่เราจะยังคงขายน้ำมันของเราต่อไปเพื่อต่อต้านมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ"

ทั้งนี้ สหรัฐได้ออกมาตรการคว่ำบาตรภาคพลังงาน ธนาคาร การขนส่งทางเรือ และการส่งออกของอิหร่านในวันนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกดดันให้อิหร่านยุติโครงการนิวเคลียร์ และขีปนาวุธ รวมทั้งยกเลิกการสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธในตะวันออกกลาง

ก่อนหน้านี้ สหรัฐเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ระงับการซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านโดยสิ้นเชิงภายในวันที่ 4 พ.ย. มิฉะนั้นจะถูกสหรัฐทำการคว่ำบาตร ซึ่งวันที่ 4 พ.ย.ถือเป็นวันครบกำหนด 180 วัน นับจากวันที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านในเดือนพ.ค. และจะทำให้เขาสามารถออกคำสั่งคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่

-- นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน ได้กล่าวโจมตีนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" หรือ "America First" ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ในระหว่างการประชุม China International Import Expo (CIIE) เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า นโยบายของทรัมป์เป็น "กฎแห่งป่า (law of the jungle)" และดำเนินนโยบายการค้าประเภท "ผลักเพื่อนบ้านให้กลายเป็นยาจก (beggar-thy-neighbor)" ขณะเดียวกันผู้นำจีนยังไม่แสดงท่าทีใดๆในการตอบสนองความต้องการด้านการค้าของผู้นำสหรัฐ เช่น การมีคำสั่งให้ยุติการถ่ายโอนเทคโนโลยีจากบริษัทสหรัฐกหรือการสนับสนนุนรัฐวิสาหกิจของประเทศ

-- นายแจ็ค หม่า ประธานบริหารและผู้ก่อตั้งบริษัทอาลีบาบา ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซของจีน กล่าวว่า การทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนถือเป็น "เรื่องที่โง่เง่าที่สุดบนโลกใบนี้" และการที่สหรัฐขาดดุลการค้ากับจีนได้ช่วยสร้างงานจำนวนมากในสหรัฐ ซึ่งหากไม่เป็นเช่นนี้ สหรัฐก็จะประสบปัญหาครั้งใหญ่

นอกจากนี้ นายหม่ายังระบุว่า การที่จีนกำลังปรับเปลี่ยนไปเน้นการนำเข้าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจจำนวนมาก แต่ก็จะถือเป็นการสร้างโอกาสใหม่ๆแก่ผู้บริโภค

ขณะนี้ สหรัฐได้เรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนในวงเงิน 2.50 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนก็ได้ตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐในวงเงิน 1.10 แสนล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ หากสหรัฐเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนรอบใหม่ในวงเงิน 2.67 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มเติมจากที่เรียกเก็บภาษีสินค้าวงเงิน 2.50 แสนล้านดอลลาร์ก่อนหน้านี้ ก็เท่ากับว่าสหรัฐได้เรียกเก็บภาษีต่อสินค้าทั้งหมดทุกรายการที่จีนส่งเข้าไปยังสหรัฐ โดยข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า จีนได้ส่งออกสินค้าวงเงิน 5.05 แสนล้านดอลลาร์เข้าสู่สหรัฐในปีที่แล้ว

-- หนังสือพิมพ์ วอชิงตัน โพสต์ รายงานอ้างแหล่งข่าวระบุว่า บริษัทอเมซอนกำลังอยู่ระหว่างพิจารณาคัดเลือกเมืองที่จะเป็นสถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่แห่งที่ 2 ของบริษัท โดยเมืองดังกล่าวคือคริสตัล ซิตี้ ในนอร์เทิร์น เวอร์จิเนีย โดยในตอนนี้อเมซอนกำลังพิจารณาการโยกย้ายพนักงาน และโรงงานไปยังเมืองดังกล่าว รวมทั้งแนวทางการประกาศผลการตัดสินใจ

โดยอเมซอนมีกำหนดเปิดเผยรายชื่อเมืองที่ได้รับเลือกให้เป็นสถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่แห่งที่ 2 ภายในสิ้นปีนี้ พร้อมระบุว่า ทางบริษัทจะลงทุนเป็นจำนวนเงิน 5 พันล้านดอลลาร์ในเมืองที่จะมีการสร้างสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ และจะมีการสร้างงานจำนวน 50,000 ตำแหน่ง

-- บริษัทแอปเปิล อิงค์แจ้งต่อบริษัทฟ็อกซ์คอนน์ และเพกาตรอน ซึ่งเป็นผู้ผลิตโทรศัพท์ iPhone ของแอปเปิล เพื่อให้บริษัททั้งสองยุติแผนการเพิ่มกำลังการผลิต iPhone XR ซึ่งเป็น iPhone ราคาถูกรุ่นล่าสุดของแอปเปิล

"ในช่วงแรกฟ็อกซ์คอนน์ได้เตรียมไลน์การผลิตเกือบ 60 ไลน์สำหรับการผลิต iPhone XR แต่มีการใช้จริงเพียง 45 ไลน์ เนื่องจากแอปเปิลแจ้งว่าไม่จำเป็นต้องผลิตจำนวนมากในขณะนี้" นิกเกอิรายงาน

ทั้งนี้ แอปเปิลเปิดตัว iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR ในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ แอปเปิลยังได้ระบุเตือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่ายอดขายในช่วงท้ายปีอาจจะต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

-- บริษัทโรเซนแบลตต์ ซีเคียวริตี้ส์ ประกาศปรับลดอันดับความน่าลงทุนของบริษัทแอปเปิล อิงค์ จาก Buy สู่ Neutral หลังจากที่แอปเปิลได้รายงานยอดขาย iPhone ที่ต่ำกว่าคาด และคาดการณ์รายได้ที่น่าผิดหวัง พร้อมกับประกาศว่าจะยุติการแจ้งยอดขายจำนวน iPhone ในการเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาส

โรเซนแบลตต์ระบุว่า เป็นเรื่องยากที่แอปเปิลจะสามารถชดเชยยอดขายจำนวนเครื่องที่ลดลง ด้วยราคาขายที่สูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2562

การที่โรเซนแบลตต์ประกาศปรับลดอันดับความน่าลงทุนของแอปเปิลในวันนี้ นับเป็นครั้งที่ 2 ที่แอปเปิลถูกปรับลดอันดับนับตั้งแต่การประกาศผลประกอบการ หลังจากที่แบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ปรับลดอันดับความน่าลงทุนของแอปเปิลเมื่อวันศุกร์

-- บริษัทซูบารุ คอร์ป ประกาศเรียกคืนรถยนต์เพิ่มเติมอีก 100,000 คันในญี่ปุ่น หลังพบว่าปล่อยให้พนักงานที่ไม่มีใบอนุญาตทำการตรวจสอบคุณภาพของระบบเบรก โดยรถยนต์ที่ถูกเรียกคืนมีทั้งหมดด้วยกัน 9 รุ่น ผลิตระหว่างวันที่ 9 ม.ค.-26 ต.ค.ในปีนี้ ซึ่งการเรียกคืนรถยนต์ดังกล่าวจะทำให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 6.5 พันล้านเยน

การเรียกคืนรถยนต์ครั้งล่าสุดนี้ ส่งผลให้บริษัทเรียกคืนรถยนต์รวม 530,000 คัน จากการที่พบว่ามีการปล่อยให้พนักงานที่ไม่มีใบอนุญาต ทำการตรวจสอบคุณภาพของรถยนต์ ขณะที่ก่อนหน้านี้ ซูบารุระบุว่า ทางบริษัทได้ปล่อยให้พนักงานที่ไม่มีใบอนุญาต ทำการตรวจสอบคุณภาพรถยนต์ในขั้นตอนสุดท้ายที่โรงงาน 2 แห่งในจังหวะกุมมะ ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น เป็นเวลานานกว่า 30 ปี

-- ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 54.8 ในเดือนต.ค. จากระดับ 53.5 ในเดือนก.ย.

การดีดตัวของดัชนี PMI ภาคบริการของสหรัฐได้แรงหนุนจากการขยายตัวของธุรกิจใหม่ และอุปสงค์ของผู้บริโภค ขณะที่ความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน แม้ว่าการจ้างงานต่ำสุดในรอบ 9 เดือน

ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคบริการของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว

-- ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 60.3 ในเดือนต.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 59.3 หลังจากแตะระดับ 61.6 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ดัชนีภาคบริการของสหรัฐยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคบริการ

ทั้งนี้ ดัชนีภาคบริการของ ISM ประกอบด้วยอุตสาหกรรม 17 กลุ่ม ซึ่งรวมถึงอสังหาริมทรัพย์ การขนส่ง การก่อสร้าง และเหมืองแร่

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในวันนี้ โดยธนาคารกลางออสเตรเลียประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ขณะที่มาร์กิตจะเปิดเผย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนต.ค.ของฝรั่งเศส เยอรมนี และยูโรซน

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นจะเปิดเผยดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนก.ย. และทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนต.ค. ด้านจีนจะเปิดเผยยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนต.ค. ขณะที่เยอรมนีจะเปิดเผยยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนก.ย. สหรัฐเตรียมเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ รวมถึงคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) แถลงมติอัตราดอกเบี้ย (เช้าวันที่ 9 พ.ย.)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ