World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 8 พฤศจิกายน 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday November 8, 2018 09:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 545.29 จุดเมื่อคืนนี้ หลังจากผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ส่งสัญญาณความพร้อมที่จะร่วมมือกับพรรคเดโมแครตในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มอุตสาหกรรมทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขานรับมุมมองที่ว่า การที่พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรนั้น จะสามารถขัดขวางนโยบายกีดกันการค้าของปธน.ทรัมป์

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จัดการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวหลังการเลือกตั้งกลางเทอมในสหรัฐ โดยพรรคเดโมแครตสามารถกลับมาครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ขณะที่พรรครีพับลิกันครองเสียงส่วนใหญ่ในวุฒิสภา

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์แสดงความหวังว่า เขาจะสามารถทำงานร่วมกับพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรสในประเด็นต่างๆ นับตั้งแต่การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ไปจนถึงการควบคุมราคายา

"ผมหวังว่าเราจะสามารถทำงานด้วยกันในปีหน้าเพื่อประโยชน์สุขของชาวอเมริกัน รวมถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจ, โครงสร้างพื้นฐาน, การค้า และการลดราคายาตามใบสั่งแพทย์" ปธน.ทรัมป์กล่าว

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้ทวีตข้อความเมื่อวานนี้ว่า นายแมทธิว จี. วิทเทเกอร์ หัวหน้าคณะทำงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จะเข้ามาทำหน้าที่รักษาการรัฐมนตรียุติธรรม แทนนายเจฟฟ์ เซสชันส์

ทางด้านนายเซสชันส์ได้ประกาศในเวลาต่อมาว่า เขาได้ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรียุติธรรม ตามคำเรียกร้องของปธน.ทรัมป์

สื่อสหรัฐรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้สั่งให้พล.อ.จอห์น เคลลี หัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบขาว ร้องขอให้นายเซสชันส์ลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งส่งผลให้นายเซสชันส์ตัดสินใจยื่นใบลาออก

-- คณะกรรมาธิการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรฝรั่งเศสให้การสนับสนุนแผนการปรับลดอัตราภาษีที่เรียกเก็บจากกำไรที่ได้จากการซื้อขายบิตคอยน์ โดยให้สอดคล้องกับการเก็บภาษีกำไรจากสินทรัพย์อื่น

ที่ผ่านมา รัฐบาลกำหนดอัตราภาษีกำไรจากการซื้อขายบิตคอยน์ที่ระดับ 36.2% ขณะที่อัตราภาษีกำไรจากการซื้อขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ระดับ 30%

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความแสดงการสนับสนุนให้นางแนนซี เพโลซี เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ หลังจากที่พรรคเดโมแครตสามารถกลับมาครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี

"เมื่อพิจารณาด้วยความเป็นธรรม คุณแนนซี เพโลซีสมควรได้รับเลือกให้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ซึ่งถ้าสมาชิกพรรคเดโมแครตบางคนไม่เห็นด้วย เราก็จะเพิ่มเสียงสนับสนุนจากพรรครีพับลิกันให้ โดยเธอสมควรได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่นี้" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

-- นายยูริ ยูชาคอฟ ที่ปรึกษานโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียหวังว่านายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ จะสามารถเดินทางเยือนรัสเซียในปีหน้า

"ผมหวังว่าการเดินทางดังกล่าวจะมีความเป็นไปได้ในปีหน้า" นายยูชาคอฟกล่าว

ก่อนหน้านี้ นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่รัสเซียได้ส่งหนังสือเชิญนายคิมเดินทางเยือนรัสเซีย เพื่อพบปะกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน

-- ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนต.ค. อยู่ที่ระดับ 3.053 ล้านล้านดอลลาร์ ลดลง 3.39 หมื่นล้านดอลลาร์จากเดือนก.ย.

หวัง ชุนหยิง โฆษกสำนักงานปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศปรับตัวลดลงในเดือนต.ค.นั้น มาจากหลายปัจจัย ซึ่งรวมถึงการแปลงอัตราแลกเปลี่ยน และการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์

-- บริษัทฮุนได มอเตอร์ และเกีย มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่นออกแถลงการณ์ระบุว่า บริษัททั้งสองจะทำการลงทุนเป็นเงินจำนวน 250 ล้านดอลลาร์ในบริษัทแกร็บ ผู้ให้บริการเรียกรถโดยสารผ่านแอพพลิเคชั่นของสิงคโปร์

นอกจากนี้ ฮุนไดและเกียจะจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับแกร็บเพื่อนำร่องโครงการรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจะเริ่มขึ้นที่สิงคโปร์ในปีหน้า

ทั้งนี้ การที่ฮุนไดและเกียประกาศการลงทุนในแกร็บดังกล่าว ส่งผลให้แกร็บสามารถระดมทุนเป็นจำนวนเงิน 2.7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งผู้ร่วมทุนได้รวมถึง ไมโครซอฟท์ โตโยต้า และโกลด์แมน แซคส์

-- นักลงทุนจับตาผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการแถลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า ซึ่งจะเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้

-- ตลาดการเงินรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศต่างๆในวันนี้ โดยจีนจะเปิดเผยดุลการค้าประจำเดือนต.ค. ขณะที่เยอรมนีจะเปิดเผยดุลการค้าเดือนก.ย. ทางด้านสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ส่วนในวันพรุ่งนี้ จีนจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค. ขณะที่อังกฤษจะเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 และดุลการค้าเดือนก.ย. ทางด้านสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ